ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เผยยังไม่เคาะลดเวลากักตัวเหลือ 10 วัน สั่งพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม ย้ำรัฐบาลผลักดันหลายโครงการฟื้นท่องเที่ยว ควบคู่เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ต่อเนื่อง ขณะศบค.ไฟเขียวต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 45 วัน ถึง 15 ม.ค. 2564

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวทักทายสื่อมวลชน หลังประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่าวันนี้อากาศเย็นสบาย ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี สำหรับคนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว ในช่วงวันหยุดยาว ในส่วนรัฐบาล ก็พยายาม หาทุกมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในขณะเดียวกัน ก็ได้ให้ความสำคัญเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัย ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ประชาชน โดยรัฐบาลได้ออกหลายโครงการให้กับประชาชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 

ส่วนการประชุม ศบค.ในวันนี้ ได้มีการพิจารณาร่วมกันในหลายประเด็น โดยพิจารณาจากสถานการณ์ของทั่วโลก สถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียนและในประเทศ ซึ่งจะพบว่าในหลายประเทศรุนแรงขึ้น ขณะที่บางประเทศสถานการณ์ลดน้อยลง แต่ในส่วนของไทยต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ โดยเฉพาะการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ออกไป ในส่วนของแนวทางลดเวลากักตัวจากเดิม 14 วัน เหลือ 10 วันนั้น ยังไม่ได้พิจารณาในครั้งนี้ เพราะต้องให้เวลาสำหรับศึกษารายละเอียดทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่ลดเวลาเหลือ 10 วัน เพราะทั้งหมดคงเป็น 14 วันเช่นเดิม เพียงแต่ช่วงของการกักตัว และในส่วนที่ 2 คือมาตรการควบคุมในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่อง หลังจาก 10 วัน โดยเรื่องนี้จะต้องหารือและติดตามข้อสรุปอีกครั้ง


ศบค.ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 45 วัน

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบขยายเวลาการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ออกไปอีก 45 วัน จนถึงวันที่ 15 ม.ค. 2564

สาเหตุที่ขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป 45 วัน จากที่ก่อนหน้านี้ขยายครั้งละ 30 วันนั้น เนื่องจากต้องการให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก และช่วงเวลาดังกล่าวจะมีการแข่งขันแบดมินตันโลกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จึงมีความจำเป็นต้องมีมาตรการสำหรับการดูแลนักกีฬาและผู้ติดตามที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

IMG_20201118103550000000.jpg


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :