ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลสิงคโปร์เพิ่มงบความมั่นคงเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณประจำปี เพื่อมีเป้าหมายเพื่อปกป้องอธิปไตย แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มงบด้านการศึกษาและการขจัดความเหลื่อมล้ำด้วย

นายเฮง สวีเกียต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสิงคโปร์ แถลงเมื่อวันจันทร์ (18 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า "รัฐบาลสิงคโปร์จะเดินหน้าในลงทุนทางด้านทรัพยากรเพื่อสนับสนุนความมั่นคง การป้องกันประเทศและการทูต...เพื่อปกป้องอธิปไตยของสิงคโปร์และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวสิงคโปร์"

ในงบประมาณประจำปี 2019 ของรัฐบาลสิงคโปร์นี้ งบทางด้านความมั่นคง การป้องกันประเทศและการทูต คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 30 ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งประมาณการตัวเลขไว่้ที่ 22,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 544,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงบด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ขณะที่งบประมาณด้านการทูตและกิจการภายในประเทศนั้นยังคงเท่าเดิมเมื่อเทียบกับงบประมาณปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ในงบประมาณประจำปี 2019 รัฐบาลสิงคโปร์ยังตั้งงบสำหรับการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนชาวสิงคโปร์ภายใต้ชื่อว่า 'เมอร์เดกา เจเนอเรชั่น แพ็กเกจ' (Merdeka Generation Package) ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ โดยงบประมาณดังกล่าวจะครอบคลุมในด้านสาธารณสุขและการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เกิดก่อนปี 1950 ซึ่งเป็นช่วงทศวรรษก่อนการก่อตั้งประเทศสิงคโปร์

ภายใต้แพ็กเกจดังกล่าวรัฐบาลสิงคโปร์ตั้งงบกว่า 1,100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ที่จะจัดสรรให้แก่ชาวสิงคโปร์ผู้รายได้น้อย ผู้สูงอายุที่ใกล้เกษียณและผู้ปกครองที่กำลังมีบุตรในวัยเรียน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ซึ่งจะแจกจ่ายในรูปแบบของการคืนภาษีให้แก่ประชาชนสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 1.4 ล้านคน

ขณะที่ชาวสิงคโปร์ผู้มีอายุ 17-20 ปีจะได้รับเงินโบนัสจากรัฐบาลจำนวน 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษา ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนที่อยู่ในระบบการศึกษาของสิงคโปร์และอยู่ในช่วงอายุดังกล่าวประมาณ 570,000 คน

สำหรับผู้สูงอายุรัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า ผู้สูงอายุที่อยู่ในวัย 50 -64 ปี และมีเงินบำนาญน้อยกว่า 60,000 ดอลลาร์สิงคโปร์นั้น รัฐบาลสิงคโปรืจะให้เพิ่มโดยผ่านบัญชีระบบบำนาญเพิ่มอีกคนละ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ในนโยบายผู้สูงอายุนี้กว่า 300,000 คน และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เนื่องจากกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้จะลาออกจากงานเร็ว เพราะต้องไปทำหน้าที่แม่ และแม่บ้านหลังจากการแต่งงาน

ทั้งนี้งบประมาณทั้งหมดของสิงคโปร์ถูกผลักดันด้วยแนวคิด 'การสร้างสิงคโปร์ให้แข็งแรงและเป็นหนึ่งเดียว' นายสวีเกียตกล่าวว่า "รัฐบาลสิงคโปร์จำเป็นต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปของโลกและการแข่งขันใหม่ๆ เพื่อให้สิงคโปร์เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง"

ที่มา CNA