ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกรัฐบาล เผย ครม. เคาะ 2 มาตรการ ช่วยเหลือเกษตรชาวนา เห็นชอบสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีความชื้น 25% ให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ 5 เดือน รัฐบาลจะช่วยรับซื้อในอัตรา 12,000 บาท/ตัน พร้อมเก็บค่ารักษาให้ตันละ 1,500 บาท ส่วนโครงการให้สินเชื่อสถาบันทางการเกษตร จะซื้อข้าวแข่งที่ราคา 12,200 บาท/ตัน เพื่อให้ชาวนามีกำไรเพิ่มขึ้น

วันที่ 7 พ.ย. ที่ศูนย์แถลงข่าวทำเนียบรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงชี้แจงมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก หลังเกษตรกรประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกหน้าโรงงานตกต่ำ 

ชัย ระบุว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ 2 มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เนื่องจากเห็นว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ที่กำลังจะออกผลผลิต มีราคาตลาดรับซื้ออยู่ที่ 10,100 บาท/ตัน ซึ่งห่างกับราคาที่เป็นธรรมอยู่มาจึงเห็นชอบ ดังนี้ 

โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 25% จำนวน 3 ล้านตัน โดยให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉาง 5 เดือนก่อน จากนั้นรัฐบาลจะช่วยรับซื้อในอัตรา 12,000 บาท/ตัน และเก็บค่ารักษาให้ ตันละ 1,500 บาท 

โครงการให้สินเชื่อโดยให้รัฐบาล และสถาบันทางการเกษตร เข้าไปแทรกแซงซื้อข้าวแข่งที่ราคา 12,200 บาท/ตัน เพื่อให้ชาวนามีกำไรเพิ่มขึ้นตันละ 300 บาท โดยทั้งโครงการจะใช้งบประมาณรวม 10,600 ล้านบาท 

ส่วนกรณีการเยียวยาชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น เรื่องนี้จะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. อีกครั้ง เนื่องจากยังมีปัญหาในเรื่องของเกษตรกรที่ได้รับค่าชดเชยไปแล้ว

ขณะที่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้ง 3 กระทรวง ได้พูดคุยกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์( ธกส.) มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้รัฐเสียค่าใช้จ่ายมากจนเกินไป จึงได้เสนอมาตรการจ่ายเงินให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท จำนวนไม่เกิน 20 ไร่ งบประมาณ 56,321 ล้านบาท เพื่อเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม. เห็นชอบ 

พร้อมยืนยันรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเรื่องการตรึงราคาข้าวให้กับชาวนาให้เกิดความสมดุล และจะพูดคุยกับผู้ส่งออก รวมถึงโรงสี เพื่อช่วยเหลือกรณีที่ประชาชนถูกกดราคา และกลไกของตลาดฝนขณะนี้

ด้าน จุลพันธ์ กล่าวต่อโดยระบุว่าจากจำนวนข้าว 10 ล้านตันที่ผลิตได้ คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวและดูดข้าวออกจากระบบได้ประมาณ 4 ล้านตัน ราคาจึงน่าจะต่ำลงอย่างมีนัย