จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่ากทม. ชี้แจงเพิ่มเติมประเด็นที่ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ออกมาเปิดข้อมูลว่า สภาฯกทม.ตัดงบฯระบายน้ำเขตจตุจักรแล้วเอางบฯพาคนไปเที่ยว ว่า หลังเรื่องผ่านสภา กทม. ก็มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา ซึ่งมีทั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) กับข้าราชการ และในส่วนของฝ่ายบริหาร ร่วมกันพิจารณา ซึ่งคราวนี้การพิจารณาไม่แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา
โดยหลังผ่านการพิจารณา คณะกรรมการก็จะไปพิจารณาว่าโครงการไหน รายการใดที่จะสามารถผ่านไปดำเนินการใช้ในปีต่อไปได้ ยืนยันว่า คณะกรรมการวิสามัญ ไม่ได้ตัดงบประมาณเกี่ยวกับเรื่องการระบายน้ำแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน คณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ก็พิจารณาว่าโครงการไหน หรือรายการไหน อาจจะมีการเบิกจ่ายเงินล่าช้า หรือการทำงานไม่เป็นไปตามสัญญา จึงอาจจะมีการลดจำนวนงบลง ยืนยันว่าไม่ใช่การตัด
ในส่วนของเขตจตุจักร เฉพาะเขตจตุจักรได้ใช้งบประมาณไปประมาณ 536 ล้านบาท ในรอบแรก คณะกรรมการวิสามัญ ลดไปแค่ 60,000 บาท ซึ่งเป็นการพิจาณาเกี่ยวกับการก่อสร้างพื้นที่สีเขียว แต่หลังจากนั้น เขตจุตจักร คณะกรรมการพิจารณาแล้ว ท่านผู้อำนวยการเขต แปรฯงบประมาณมากพอสมควร ประมาณเกือบ 20 ล้านบาทได้ ในจำนวนนี้ ก็มีเกี่ยวกับเรื่องการขอเงินไปลอกท่อระบายน้ำเพิ่มเติม 3 ล้าน บาทและทำฝาท่อระบายน้ำเพิ่ม 2 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญให้ผ่านหมด
ทั้งนี้ งบประมาณโดยรวมของสำนักงานเขตจุตจักร มีงบเพื่อการแก้ไขน้ำท่วมขังเกือบ 20 ล้านบาท คณะกรรมการวิสามัญ ไม่ได้ตัดเลย ซึ่งงบแปรฯของสำนักงานเขตจตุจักร ได้ขอเงินโครงการดูงานสัมมนามา 5 โครงการ โดยโครงการแรก เป็นการดูงานของข้าราชการ สำนักงานเขตจตุจักร โครงการที่ 2 เป็นการศึกษาดูงานของลูกจ้าง คนงานของเขตจุตจักร อีก 3 โครงการ เป็นการพาชุมชนไปศึกษาดูงานต่างจังหวัดเช่นกัน ขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องของฝ่ายพัฒนาชุมชน ซึ่งผู้อำนวยการเขตเองก็มีความประสงค์เอาประชาชนในพื้นที่ของท่านมามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสำนักงานเขต
ส่วนเขตอื่นก็มีโครงการลักษณะนี้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีจำนวนโครงการมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจำนวนของข้าราชการ บุคลาการ ของสำนักงานเขตนั้นๆ ย้ำว่าการของบฯ โครงการเช่นนี้มีมาทุกปี ขณะเดียวกัน ปี 2561-2562 มีปัญหาเรื่องโควิด-19 โครงการเหล่านี้จึงหายไป หากเอาคนเป็น 100 คน ไปนอนรวมกัน กินอยู่ด้วยกัน อาจมีปัญหาติดโรคภัยไข้เจ็บ
แต่ประเด็นสำคัญ คือ เรื่องนี้ก็เป็นความประสงค์ของชุมชน และสำนักงานเขตในพื้นที่ด้วย จากหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาโควิดอาจทำให้มีความเหินห่างกันนิดหน่อย ระหว่างชุมชนกับสำนักงานเขต การที่เขาสามารถจะไปทำกิจกรรมด้วยกันได้ ก็อาจจะเสริมสร้างการทำงานของสำนักงานเขตกับประชาชน ให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ขอยืนยันว่า ไม่ใช่โครงการพาหัวคะแนนไปเที่ยว แต่เป็นโครงการที่พาข้าราชการ บุคลากรของสำนักงานเขตก็ดี ชุมชนก็ดี ไปศึกษาดูงาน โครงการไปเที่ยวไม่มีเด็ดขาด ซึ่งคนที่จะได้ไปอยู่ที่การคัดเลือกของสำนักงานเขต การจัดสรรงบประมาณของเขตแต่ละครั้ง เป็นอำนาจฝ่ายบริหาร ความจริงแล้วสมาชิกสภา กทม. ตามกฎหมายแล้ว คงไม่มีอำนาจใช้งบโดยที่ฝ่ายบริหารไม่จัดสรรลงไป สำนักงานเขตจะไปเอาหัวคะแนนมา เพื่อพาไปเที่ยวไม่ได้เด็ดขาด