ไม่พบผลการค้นหา
กทม. เผยแผนเช่ารถขยะไฟฟ้าระยะสั้น 9 เดือน ทดแทนที่หมดสัญญา พร้อมบริหารจัดการนำรถที่ยังมีใช้กว่า 1,000 คัน อุดช่องโหว่ก่อนเริ่มสัญญาใหม่

วันนี้ (4 ต.ค. 67) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการแถลงข่าวเรื่องการเช่ารถเก็บขนมูลฝอยที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ของกรุงเทพมหานคร โดยมี นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) และนายภาณุวัฒน์ อ่อนเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล สสล. ร่วมแถลง ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร


รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อก่อนกรุงเทพมหานครใช้วิธีการจัดซื้อรถเก็บขนมูลฝอย (รถขยะ) แต่ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมากรุงเทพมหานครใช้วิธีการเช่ารถเก็บขนมูลฝอย โดยระหว่างปี 2545 - 2563 มีการเช่ารถเก็บขนมูลฝอยแล้วทั้งสิ้น 28 สัญญา วงเงินรวม 21,974,978,103 บาท 

ทั้งนี้ รถเก็บขนมูลฝอยที่จะหมดสัญญาเช่าในปี 2567 - 2568 มีดังนี้  

1. รถยกภาชนะ 3 ลบ.ม. จำนวน 102 คัน หมดสัญญา 102 คัน วันที่ 30 ก.ย. 67  

2. รถแบบอัด 2 ตัน จำนวน 152 คัน หมดสัญญา 68 คัน วันที่ 22 พ.ย. 67 อีก 84 คัน วันที่ 22 ธ.ค. 67  

3.รถยกภาชนะ 8 ลบ.ม. จำนวน 124 คัน หมดสัญญา 58 คัน วันที่ 19 ธ.ค. 67 อีก 66 คัน วันที่ 27 ธ.ค. 67  

4. รถแบบอัด 5 ตัน จำนวน 464 คัน หมดสัญญา 92 คัน วันที่ 22 ธ.ค. 67 หมดสัญญา 92 คัน วันที่ 19 มี.ค. 68 หมดสัญญา 110 คัน วันที่ 27 มี.ค. 68 และอีก 170 คัน หมดสัญญาวันที่ 20 เม.ย. 68 และยังมีรถที่จะหมดสัญญาเช่าในวันที่ 16 มิ.ย. 69 11 ม.ค. 70 และ 31 มี.ค. 70 ด้วย ซึ่งปี 70 ถือว่าเป็นปีที่สัญญาเก่าทั้งหมดจะจบลง 


● เตรียมจัดซื้อจัดจ้างรถขยะทดแทนตั้งแต่ปี 66 แต่ติดข้อร้องเรียน ทำให้โครงการหยุดชะงัก

ณ วันที่ 30 ก.ย. 67 ตามจริงแล้ว กทม. ควรจะต้องมีรถยกภาชนะ 3 ลบ.ม. จำนวน 102 คัน มาทดแทนรถที่หมดสัญญา โดยก่อนที่จะหมดสัญญาเช่าอย่างน้อย 1 ปี กทม. จะตั้งโครงการขึ้นมาเพื่อเป็นการเช่าทดแทนรถที่จะหมดสัญญาเช่า เพื่อนำเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ในปี 66 กทม. ตั้งโครงการเช่ารถเก็บขนมูลฝอยขึ้นมา 4 โครงการ แสดงให้เห็นว่า กทม. ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ย้ำว่าทุกครั้งที่ผ่านมา กทม. ตั้งโครงการเช่ารถเก็บขยะขึ้นมาโดยในวัตถุประสงค์ไม่เคยระบุประเภทของเชื้อเพลิงที่ใช้ แต่ระบุประเภทรถ จำนวนคัน และงบประมาณที่ใช้

หลังจากที่ผู้บริหารชุดนี้เข้ามาได้มีการหารือกับสำนักสิ่งแวดล้อมว่า รถขยะที่ กทม. ใช้อยู่ปัจจุบันควรจะเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าหรือไม่ เมื่อเกิดแนวคิดนี้จึงหาข้อมูล 3 ด้านคือ 

1. หลักเกณฑ์ในการเช่ารถขยะไฟฟ้า 

2. ราคา 

3. ประสิทธิภาพการใช้งาน 

ในส่วนของการนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการ เริ่มต้นจากมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 64 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้  

1. มีมติเป็นหลักการให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (รถยนต์ไฟฟ้า: EV) มาใช้ในราชการแทนรถยนต์เดิมที่หมดอายุการใช้งาน 

2. ในระยะแรกให้ส่วนราชการที่มีที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด 

โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2565 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เห็นชอบในหลักการกำหนดให้หน่วยงานในสังกัด กทม. จัดซื้อจัดจ้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ภายหลังจากมีการเห็นชอบในหลักการกำหนดให้หน่วยงานในสังกัด กทม. จัดซื้อจัดจ้างรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า กทม. ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยและบริการวิชาการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศึกษาและทดลองการใช้รถเก็บขยะพลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ การเช่ารถเก็บขนมูลฝอยพลังงานไฟฟ้าสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และวงเงินงบประมาณที่กำหนดไว้ได้ มิต้องขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงบประมาณ

“การที่เราจะนำรถไฟฟ้ามาเช่าแทนรถดีเซล ดูจากวัตถุประสงค์แล้วไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง เราจึงเริ่มดำเนินการโครงการนี้ แต่ระหว่างดำเนินการ ทางสำนักสิ่งแวดล้อมตั้งข้อสงสัยว่าสามารถดำเนินโครงการนี้ได้จริงหรือไม่ จึงทำเรื่องหารือถึงปลัดกรุงเทพมหานคร โดยปลัด กทม. ส่งสำนักงบประมาณพิจารณา และได้รับคำตอบว่าเนื่องจากวัตถุประสงค์ของโครงการไม่ได้ระบุประเภทการใช้พลังงาน ดังนั้นการที่สำนักสิ่งแวดล้อมจะใช้รถประเภทใดก็แล้วแต่ก็สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องเป็นวงเงินเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากมีการเปลี่ยนวงเงินและวัตถุประสงค์ต้องเสนอสภา กทม. แต่ในขณะที่กำลังดำเนินโครงการนั้นได้รับการร้องเรียนว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ทำให้โครงการต้องหยุดชะงักลงและเป็นอันต้องยกเลิกไป ดังนั้นในปีงบประมาณ 2568 สำนักสิ่งแวดล้อมจึงเสนอโครงการเช่ารถขยะไฟฟ้าทั้งหมดจำนวน 4 โครงการ ซึ่งผ่านสภา กทม. เรียบร้อยแล้ว” รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ กล่าว