ไม่พบผลการค้นหา
'กกต.' เปิดศูนย์ต้านข่าวปลอม โต้ทุกข้อครหาทุจริต ชี้บางพรรคกล่าวหา กกต. แก้สูตรคำนวณปี '62 แต่อดทนไม่ดำเนินคดี ปูด 1-2 วันนี้เปิดข่าวใหญ่ อาจสะเทือนพรรคการเมือง

วันที่ 2 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปกรณ์ มหรรณพ และ ฐิติเชษฐ์ นุชนาฎ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดศูนย์ปฏิบัติงานคณะกรรมการต่อต้านข่าวเท็จ โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ส่งผล กระทบต่อภาพลักษณ์ของ กกต. และสำนักงาน กกต. และเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. รวมถึงสำนักงาน กกต.ให้ประชาชนรับทราบและเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา ในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.

โดย ฐิติเชษฐ์ กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ของ กกต. มีความจำเป็น เพราะบางข่าวไม่จำเป็นจะต้องเอาเข้าเสนอ กกต. คณะกรรมการด้านการข่าวจากส่วนที่จัดตั้งขึ้น มีอำนาจเด็ดขาดที่จะแก้ไขข่าวที่เกิดขึ้นและรายงานให้กับ กกต. ทราบภายหลัง เพราะถ้าข่าวสารที่มาเป็นข่าวเท็จ ไม่เป็นความจริง จะต้องมีการแก้ไขข่าวให้ถูกต้องทันทีก่อนที่จะแพร่หลาย ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2562 จะพบเจอกับข่าวเท็จจำนวนมาก อะไรที่เป็นข่าวเท็จข่าวปลอมก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนก็นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ศาลก็มีคำพิพากษาผู้กระทำความผิดเหล่านั้น

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 ก็น่าจะมีข่าวเท็จเกิดขึ้นเช่นเดียวกับปี 2562 เพราะยังมีกลุ่มคนที่ไม่หวังให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความราบรื่น ฉะนั้นปี 2566 ขณะนี้มีข่าวที่ไม่เป็นความจริงเผยแพร่ในโซเชียลจำนวนมาก ซึ่ง กกต. จะแจ้งไปที่ต้นทางให้มีการแก้ไข 

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะมีข่าวปลอมเกิดขึ้นไม่มากนัก เพราะเนื่องจาก กกต. จะตั้งกำแพงไว้ว่า ข่าวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือจะดำเนินคดีหากว่าผู้ให้ข่าวนั้นเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีกับการทำงานของ กกต. แต่ทั้งนี้ กกต. จะดำเนินคดีกับข่าวที่เป็นต้นตอหรือเป็นข่าวสำคัญ และส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมเท่านั้น จะไม่ดำเนินคดีกับข่าวเล็กน้อย แต่จะมีเพียงตักเตือน 

ด้าน ปกรณ์ กล่าวชี้แจงบางข่าวที่เกิดขึ้นว่า เรื่องแรกคือการยุบพรรคติดเทอร์โบ โดยระบุว่า กกต. ออกระเบียบตามที่กฎหมายให้ทำ แต่สื่อมวลชนได้มีการตั้งชื่อแบบนั้น จึงอยากทำความเข้าใจว่า อำนาจของเลขาธิการ กกต. สามารถทำเรื่องให้รวดเร็วได้ แต่ไม่มีกำหนดเวลาการสืบสวนไต่สวน เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคที่ถูกกล่าวหายื่นพยานหลักฐานและให้ถ้อยคำกับ กกต. และต่อสู้อย่างเต็มที่ 

ส่วนข่าวเรื่องการแบ่งเขต ขอยืนยันไม่มีการแบ่งเขตตามใจ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินทั้ง 5 คดีว่า กกต.ออกระเบียบโดยชอบ ทำตามกฎหมายถูกต้องแล้ว กกต.จะต้องจัดทำโดยภาพรวมเพื่อบรรลุหลักเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การทำงานของ กกต.ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย 

ส่วนกรณีข่าวเรื่องบัตรเลือกตั้ง กกต. ไม่ได้เป็นผู้กำหนดแต่อยู่ในข้อกฎหมายทุกอย่าง

"กกต. พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว อาจารย์เจษฎ์บอกว่า ถ้าท่านไม่สามารถทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจดจำและเลือกเบอร์ของท่านได้ ท่านจะเอาความสามารถที่ไหนมาบริหารประเทศ" ปกรณ์กล่าว

ส่วนการพิมพ์บัตรเกินในข่าวบอกว่าเกินไป 7 ล้านใบ แต่ความจริง กกต. พิมพ์เกินเพียง 4-5 ล้านใบ เพราะการพิมบัตรต้องพิมพ์เป็นเล่ม เล่มละ 20 ใบ ซึ่งแต่ละหน่วยต้องสำรองหน่วยละ 1 เล่ม เป็นการสำรองเผื่อไว้สำหรับกรรมการประจำหน่วย (กปน.) และผู้รักษาความสงบอาจจะใช้สิทธิที่หน่วยนั้น 

นอกจากนี้ ยังมีการสำรองไว้เผื่อเกิดความผิดพลาดในการพิมพ์ เช่นบางเล่มมี 18 ใบ ไม่ครบ 20 ปัญหาสำคัญที่น่าจะคิดมากกว่าคือ เราจะไม่มีการทุจริต ทันทีที่นับคะแนนเสร็จจะรู้ทันทีว่าบัตรใช้ไปเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ ป้องกันการผิดพลาดเกิดขึ้นได้แต่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทุจริต ขอให้มั่นใจว่า กกต.ไม่มีการทุจริต ตนขอให้สัญญาและคำมั่นเรื่องใดที่ไม่ถูกต้อง จะแจ้งให้ทราบทันที พร้อมย้ำตลอด 4 ปีที่ทำงาน ไม่เคยมีประวัติที่ไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม การแถลงข่าวของคณะกรรมการด้านข่าวจึงมีความจำเป็น 

"ต้องยอมรับว่าบางเรื่องมีอ่อนไหวมาก แต่เราก็อดทนและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เป็นคดี บางเรื่องด่าเราว่าเราด้วยคำหยาบแต่เราก็มีมติไม่ดำเนินคดี เราจะอดทนและขอใช้ช่องทางการสื่อสารขององค์กรชี้แจง" ปกรณ์ กล่าว 

พร้อมยกตัวอย่างคำพูด ในการดีเบตของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย ที่มีลักษณะคล้ายกันว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 กกต.เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณบัญชีรายชื่อ" เรื่องนี้ศาลก็ได้ พิพากษาแล้วว่า กกต. ทำงานโดยชอบด้วยกฎหมาย

ข้อมูลดังกล่าว กกต.ได้รวบรวมไว้หมดแต่ยังไม่ได้มีการนำมาพิจารณา เพราะไม่อยากให้มีผลอย่างหนึ่งอย่างใดกับการเลือกตั้งของพรรคการเมืองได้ จึงจะนำมาพิจารณาภายหลังจากการเลือกตั้ง และจึงจะมีมติออกมา

นอกจากนี้ ปกรณ์ ยังกล่าวว่า ในอีก 1-2 วันนี้ กกต. จะเปิดเผยมติบางอย่างออกมา โดยผู้สื่อข่าวพยามสอบถามว่า มติดังกล่าวจะมีผลอย่างหนึ่งอย่างใดกับพรรคการเมืองหรือไม่ ปกรณ์ ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำถาม

ส่วนเรื่องดูงานต่างประเทศนั้น ปกรณ์ กล่าวว่า ถ้า กกต.ไม่ไป จะเกิดปัญหาหลายเท่า เราไม่ได้ไปดูงาน เราไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งก็พบปัญหาหลายที่ และได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว