ซึ่งดูเผินๆเหมือนจะไม่การเมือง งานจะบอกเล่าถึงการสมมติเหตุการณ์ในวันสุดท้ายของโลกเฉยๆ แต่พอได้เดินดูงานทั้งสองชั้นดีๆ กลับพบกับความรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างงานศิลปะของชั้นบนและชั้นล่างอย่างเห็นได้ชัด โดยชั้นล่างจะเป็นงานที่ค่อนข้างจะดูหดหู่และสิ้นหวัง แต่งานด้านบนกลับดูสนุกสนานและมีความสุข

ซึ่งทาง Headache Stencil ได้เล่าถึงที่มาของงานที่แตกต่างกันของทั้งสองชั้นว่า ที่เลือกจัดแสดงที่แกลลอรี่นี้ก็เพราะว่าเป็นแกลลอรี่ใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าทุกๆครั้งที่เคยทำมา เพราะอยากลองเทคนิคใหม่ๆมากมายที่ยังไม่เคยได้ทำในนิทรรศการในครั้งก่อนๆ แล้วเมื่อมาเจอแกลลอรี่ที่ชื่อว่า Inkhong Art Space ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ก็ได้ไอเดียทันที โดยต้องการสื่อสารภาพทั้งหมดให้เหมือนชั้นล่าง เป็นวันสุดท้ายของโลกของคนจน

ซึ่งจะแก่งแย่งชิงดี หนีตายกันจ้าละหวั่น ความหดหู่ของสันดานดิบของมนุษย์ , สงคราม , ความอิจฉาริษยา , ฯลฯ จะถูกแสดงออกมาอย่างไม่เคอะเขิน ในขณะที่ชั้นบนคือวันสิ้นโลกของคนรวย ที่สนุกสนานและปาร์ตี้กับการที่จะได้ย้ายถิ่นฐาน ความตื่นเต้นในโลกใหม่ที่กำลังจะมาถึง , การแบ่งแยกอำนาจและที่ดิน , การผสมพันธุ์กับเผ่าพันธุ์ใหม่ๆ , ความสุขมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของงานนี้ที่การเมืองโดยคำว่า "ชนชั้น"

นอกจากผลงานแสดงเดี่ยวครั้งใหม่ที่จัดแสดงแล้ว ในงานนี้ยังมีคอลเล็คชั่นสติ้กเกอร์ใหม่ประจำปีของ Headache Stencil ที่มักจะกวนสังคมอยู่เสมอตั้งแต่ยุคลุงหน้าหมี , ลุงหน้าหมา ไปจนถึงพระใส่แว่นออฟไวท์ มาในปีนี้คอลเล็คชั่นใหม่มาในรูปแบบแมลงสาบเหมือนจริงที่เตรียมตัวหลอนประสาทกันได้ทั่วเมืองแน่นอน โดยสติ้กเกอร์คอลเล็คชั่นใหม่นี้มีขายแค่ที่งานเท่านั้น ใครอยากได้ต้องรีบไปซื้อเก็บกันไว้ แว่วๆว่ามีเพียง 100 ชุดเท่านั้น

ซึ่งงาน The Last Day by Headache Stencil ที่กล่าวมานี้เริ่มจัดแสดงมาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายนเป็นต้นมาที่ Inkhong Art Space ระหว่างซอยเอกมัย19 กับ 21 และจะจัดแสดงสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้ว ใครที่ยังไม่ได้ไปชมรีบไปกันเลย