เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 ก.พ. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พร้อมผู่สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 เขต เดินทางไปที่หมู่บ้านโป่งแค ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เพื่อพบประชาชนที่เป็นชาวสวน ชาวไร่ ผู้ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าศัตรูพืช ซึ่งบางรายได้รับสารพาราควอตเข้าสู่บาดแผลจนต้องตัดขาทิ้ง บางรายตัดต้องนิ้วเท้า และบางรายเดินไม่ได้โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจำวน 12 คนซึ่งมาจาก อ.นากลาง และ อ.สุวรรณคูหา มารอพบคุณหญิงสุดารัตน์เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบที่ตัวเองได้รับสารพิษ เพราะประชาชนในพื้นที่ของ จ.หนองบัวลำภู ล้วนรับจ้างทำไร่อ้อยเพื่อส่งให้กับโรงงานน้ำตาลในรอบ จ.หนองบัวลำภู
ทันทีที่คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะมาถึงได้เข้าสอบถามอาการกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรับปากว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะผลักดันให้ จ.หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดนำร่องจังหวัดแรก หรือ ‘หนองบัวฯ โมเดล’ เพื่อผลักดันให้ชาวเกษตรกรของจังหวัดเลิกใช้สารเคมีโดยเฉพาะพาราควอต และเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ปลอดสารเคมี เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางป้อนอาหารปลอดสารพิษออกสู่โลก โดยจะใช้นโยบายของพรรคที่เรียกว่านโยบายกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน ด้วยการให้เงิน 3 ปีกับเกษตรกรที่ทำไร่อ้อยใช้สารเคมีเพื่อให้เกษตรกรได้อยู่ได้ในขณะเลิกทำอาชีพที่ใช้สารเคมี โดยจะใช้เวลา 3 ปีปรับเปลี่ยนหน้าดินให้ดินกลับมามีสภาพปกติจนปลูกพืชปกติได้และจะเน้นให้ชาวบ้านปลูกพืชปลอดสารพิษแทน
“หากยังใช้สารเคมีดังกล่าว อาจส่งผลต่อลูกหลาน เราจะไม่ให้สารเคมีมาฆ่าพวกเรา ต้องทำหนองบัวฯโมเดล ด้วยกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน และจะพูดคุยกับโรงงานน้ำตาล เพราะเกรงว่าหากชาวบ้านได้รับสารเคมีอยู่อีกกก็จะเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งสูง และควรต้องปรับเปลี่ยนให้ชาวบ้านไม่ใช้สารเคมี” คุณหญิงสุดารัตน์ บอกกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังระบุว่า สารพาราควอต เกิดขึ้นหนักใน จ.หนองบัวลำภูในช่วง 5 ปี เพราะไม่มี ส.ส.จะร้องเรียน อีกทั้ง จ.หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดยากจนที่สุดของประเทศ แต่กลับมีการใช้สารเคมีมากที่สุด และจะต้องแบนสารพาราควอต ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางอาหารสุขภาพ วันนี้เห็นผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ทำให้พรรคเพื่อไทยสนับสนุนแบนพาราควอตที่ร้ายแรงต่อสุขภาพ และจะเดินหน้าอย่างจริงจังให้เกษตรกรไม่ใช้สารเคมีแล้ว โดยใช้กองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน เป็นเงินให้ชาวบ้านเริ่มปลูกพืชไม่ใช้สารเคมี ปลูกพืชบำรุงดินให้ดินสมบูรณ์ โดยถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะผลักดันอย่างจริงจัง
ขณะที่ นายณรงค์ฤทธิ์ จันทร์นาวา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวิจิตรพัฒนา ต.นาดี อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ระบุว่า ที่ อ.นากลาง มีประชาชนทุกข์สุดคือถูกสารเคมี หนังเน่า หนังเปื่อย มีการติดเชื้อกระแสในเลือด บางคนภูมิต้านทานต่ำด้วย และจากการวิจัย สิ่งแวดล้อมพบว่า ปลา อาหารพื้นบ้านจะมีน้อยลง เพราะสารเคมีไปทำลายระบบโครโมโซมทำให้สัตว์เป็นหมัน ใน จ.หนองบัวลำภูถึงขั้นไม่กล้ารองน้ำฝน ต้องซื้อน้ำดื่มทุกครัวเรือน ทำให้ประชาชนยิ่งจน เพราะซื้อน้ำดื่มกินทุกครัวเรือน โดยเฉพาะพื้นที่ของ อ.ศรีบุญเรือง ทำไร่อ้อยมากที่สุดจึงมีการใช้สารพาราควอต อีกทั้ง จ.หนองบัวลำภูมีการใช้สารเคมี 32,000 กว่าลิตร ใช้ทุกครัวเรือน
ด้านนายอำนวย ผลสวัสดิ์ อายุ 43 ปี จาก อ.สุวรรณคูหา ทำอาชีพรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้าในสวนอ้อย บอกกับ ‘วอยซ์ ออนไลน์’ ว่า ตนเองรับจ้างฉีดสารเคมีในสวนอ้อยมาตั้งแต่อายุ 17 ปีจนได้รับสารพิษจากยาฆ่าหญ้า ทำให้ใบหน้าบวม เพราะแพทย์บอกว่าตนได้รับสารเคมีจนติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. และออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนตอนนี้ต้องเลิกอาชีพรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้าไว้ก่อน
“ผมทำอาชีพรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า ใช้สารเคมีรุนแรง จำเป็นต้องทำอาชีพนี้เพราะความยากจน ค่าแรงที่ได้จากการฉีดยาฆ่าหญ้าจะตกไร่ละ 350 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ดี”
เช่นเดียวกับ นายชูชาติ ศรีทาพุฒ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแต่ไม่ได้ทำอาชีพปลูกสวนอ้อย เป็นอีกรายที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้ในไร่อ้อยจนต้องตัดขาทิ้งและใช้รถเข็น บอกว่า ตนเองเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไปตรวจน้ำท่วมลงพื้นที่นาซึ่งมีน้ำขังจากไร่อ้อยที่ใช้สารพาราควอต และมีบาดแผลทำให้ได้รับสารพิษดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายจนต้องตัดขาทิ้ง โดยติดเชื้อมาตั้งแต่ปี 2560 ส่วนตัวเห็นด้วยกับการยกเลิกสารพาราควอต ไม่อยากให้ลูกหลานลำบาก ไม่อยากทำไร่นาแล้วติดเชื้อกลับมา
ส่วนนายวัชระ เนียมทา กำนัน ต.บุญทัน อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ซึ่งได้รับสารเคมีจากไร่นาจนติดเชื้อในกระแสเลือด บอกว่า ตนเองได้รับสารพิษเข้าสู่บาดแผล เมื่อปี 2560 จนเกิดอาการปวดร้อนไปพบแพทย์ก็ให้ยาฆ่าเชื้อมาแต่อาการบวมที่ขาก็ไม่หาย ซึ่งได้รับสารพิษเพราะลงไปเกี่ยวข้าว
ขณะที่นายไชยา พรหมา ผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ระบุว่า รัฐบาลยังไม่เลิกการให้ใช้สารพาราควอต ทั้งที่ จ.หนองบัวลำภู มีศักยภาพเป็นจังหวัดปลอดสารพิษได้ ซึ่งขณะนี้จ.หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดอันดับที่1 ที่ใช้สารเคมีมากที่สุด