ภารกิจครั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ มีคิวจะต้องขึ้นเวทีปราศรัยถึง 7 จังหวัด ไล่ตั้งแต่ สกลนคร - มุกดาหาร - นครพนม - ศรีสะเกษ - ยโสธร - สุรินทร์ - ร้อยเอ็ด โดยขึ้นเวทีปราศรัยวันละ 3 - 4 เวที
ระหว่างเดินทางจากสนามบินสกลนครไปยังเวทีปราศรัยที่ อ.เมือง จ.สกลนคร
คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดใจบนรถยนต์ว่า ตอนนี้นับไม่ถ้วนแล้วว่าไปกี่จังหวัด เพราะวันๆหนึ่งก็มีอย่างน้อย 4 - 5 เวที มากๆก็ 10 - 11 เวที
"เป็นอัตโนมัติ ไม่ทราบว่าอยู่ได้ไง เพราะตัวเองก็นอนช่วงนี้มา 3 - 4 ชั่วโมงต่อวันเป็นเดือนแล้ว เพราะตอนกลางคืนต้องทำงาน"
เมื่อถามว่า ลูกๆทั้งสามคนเป็นห่วงระหว่างลงพื้นที่ไหม
คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ลูกๆเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เพราะตนเองมีเส้นเลือดโป่งที่ท้องด้านหน้าที่ตับ แล้วเขาก็เห็นชาวบ้านมากอดรัด ตรงนี้อันตราย
"เขาก็บอกว่าแม่ระวังนะ คนที่ตามก็บอกประชาชนว่าอย่ารัดท้องนะ ถ้าแตกมาแรงๆก็ตายเลย ลูกก็จะห่วง เขาจะโทรศัพท์คอยบอกคนเป็นเลขาฯ หรือคนตาม ลูกสาวจะเป็นคนโทรฯหาตรง ส่วนคนโตก็โทรฯ อีกอย่างคนโต กับ คนกลางจะแซวเวลาพี่หมดแรงไปไม่ไหวว่าพอมือถือไมค์ไฟส่องหน้าเอาแรงมากจากไหนแม่"
อดีต รมว.สาธารณสุข และอดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ ยังย้อนเล่านาทีที่เข้ามาเล่นการเมืองใหม่ๆเมื่อขณะอายุ 27 ปีว่า ลูกคนแรก (บอส ภูมิภัทร ลีลาปัญญาเลิศ) ยังอายุ 4 ขวบ ตอนนี้บอสอายุ 30 ปีแล้ว ลูกชายคนโตจะถูกเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาในรถ ส่วนอีก 2 คน คือ เบส พีรภัทร และ จินนี่ ยศสุดา จะห่างกับบอส 10 ปี
"พี่เคยมีลูกแล้วแท้งตอนแก้ปัญหาจราจร (เมื่อปี 2538) แท้งโดยไม่รู้ตัวเองจะท้อง เพราะกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์ แต่ก่อนสมัยเราจะลงพื้นที่ติดหนักๆ แยกลำสาลี รามคำแหง วงเวียนใหญ่ แยกติดจะผลัดกันไปดู ครั้งนี้ก็หนักเพราะรถไฟฟ้าสร้างทั่วกรุงเทพฯ ไม่มีใครอำนวยการจราจร"
แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย บอกด้วยว่า "ตัวเองโชคดีลูกเห็นแต่เด็กๆ เอาลูกมาเลี้ยงในรถมีวิดีโอ สามีก็ชอบดูแลลูก เราก็วางใจได้เพราะสามีก็ดูแลอาบน้ำให้ลูก เขามีความสุขเวลาอยู่กับลูก"
เมื่อแม่หน่อย ต้องก้าวมาเล่นการเมืองเต็มตัวอีกครั้งหลังถูกตัดสิทธิทางการเมืองเมื่อปี 2550 จากการเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ทำให้ครั้งนี้ 'คุณหญิงสุดารัตน์' จึงถูกชูขึ้นให้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี หญิงคนที่ 2 ของประเทศ
ขณะเดียวกัน เมื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง การปรากฎตัวของบุตรสาวคนเล็ก อย่างจินนี่ ในวัย 20 ปี เคียงข้างผู้เป็นแม่ระหว่างหาเสียง จึงถูกจุดให้เป็นกระแสโด่งดังในโลกโซเชียลมีเดีย
"ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจรัก #พรรคเพื่อเธอ กาเบอร์ว่ารักแถบ" คือ เทรนด์ที่ถูกจุดติดขึ้นในโลกโซเชียลฯ อย่างทันท่วงที บวกกับความสดใสของลูกสาวคนเล็กของแม่หน่อย
(คุณหญิงสุดารัตน์ กับครอบครัวลีลาปัญญาเลิศ)
'วอยซ์ ออนไลน์' จึงถามตรงๆกับแม่หน่อยว่า เป็นห่วงลูกสาวคนเล็กไหม
คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ตอนแรกตกใจไม่คิดจะเป็นอย่างนี้ น้องก็เงียบๆ ไม่ได้มาเล่นโซเชียลฯ ก็บอกลูกว่า คนเขาก็รัก และลูกเองก็รับมือได้ดี พี่เองถูกเลี้ยงมาให้แข็งแกร่ง พ่อเขาเป็นห่วงลูกสาวคนเล็ก พอโตขึ้นก็ให้ลูกสาวมีความแข็งแกร่ง หรือครั้งที่คนพุ่งเป้าสนใจเขา แต่ลูกสาวก็รับมือกับสถานการณ์ได้ดี เด็กธรรมดาคนหนึ่งทำไมถึงมีกระแส
"ลูกเราวัยรุ่นต้องอัพเดทกับลูก พี่ก็เคยเรียนหลักสูตรกับเด็ก ทำให้เรียกแม่หน่อยกันมานานพอสมควรแล้ว พอมีกระแสลูก ก็มีคนจะต่อคำว่าแม่ยาย พี่จะบอกว่าเรียกแม่ไม่ว่า แต่ถ้าเติมยายแล้วโกรธก็แซวๆเล่น" คุณหญิงสุดารัตน์ พูดอย่างอมยิ้ม
ด้วยประสบการณ์ในสนามการเมืองมา 27 ปี นับจากวันแรกที่ก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองเมือปี 2535 จนถึงวันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยอมรับว่า "27 ปีการทำงานการเมืองไม่เคยเห็นคนจะร้องไห้กับเรามากขนาดนี้ พี่จะยอมให้โดนหยิก โดนหอมหยิกแก้ม หยิกพุง เพราะเหมือนได้ส่งกำลังใจให้กับเขา"
ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงตามต่างจังหวัด มีหลายเวทีที่คุณสุดารัตน์ถึงขั้นต้องกระโดดลงเวที
คุณหญิงสุดารัตน์ เล่าที่มาของการกระโดดลงเวทีปราศรัยเมื่อปราศรัยเสร็จสิ้นว่า "เรื่องกระโดดเวที เกิดโดยหน้างาน จะเห็นว่ากว่าจะเดินถึงเวที คนก็รุม เพราะเขาอยากจับมือ คนยังไม่จุใจ เขาอุตส่าห์มาลำบาก เลยเกิดเหตุการณ์คนอยากจับมือ เราก็เลยกระโดดลงไปให้เขาจับดีไหม กระโดดลงไปความรู้สึกเหมือนกับว่าเราไปให้กำลังใจเขาจริงๆ ให้เขากอด เขาหอม หยิกเราได้ ตอนหลังเวทีอื่นๆรู้ข่าวก็จะลุ้นว่า คุณหญิงจะโดดไหม"
เวลาการเปิดใจคุณหญิงสุดารัตน์ในช่วงโค้งสุดท้ายระหว่างเดินทางจากสนามบินสกลนครจนถึงเวทีปราศรัยในตัวเมือง จ.สกลนคร ผ่านมาถึง 20 นาทีก็ถึงเวทีปราศรัย ซึ่งมีผู้สมัคร ส.ส.สกลนคร คอยปราศรัยและบอกให้ประชาชนที่มารับฟังได้รู้ว่า ขณะนี้ว่าที่นายกฯ หญิง ได้มาถึงแล้ว
"ทุกจังหวัด มีลูกมีหลาน มีเพื่อน มีฝูงอยู่ที่ไหน ไลน์ไปบอกโลด โทรฯไปบอกโลด และถ้าพี่น้องไปให้ถล่มทลาย เราก็จะเอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าคืนมา" คุณหญิงสุดารัตน์ ปราศรัยย้ำเตือนประชาชนในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งอีกไม่กี่วันจะถึงวันกาบัตรเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562
(คุณหญิงสุดารัตน์ - ปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย)
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังบอกกับ 'วอยซ์ ออนไลน์' ว่าการปราศรัยในต่างจังหวัดจะหยิบเรื่องที่เป็นปัญหาของประชาชนในพื้นที่นั้นๆมพูด โดยต่างจังหวัดจะพูดในเรื่องเกษตร แต่ถ้าเป็นกรุงเทพฯ จะพูดเรื่องคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย
"ตอนปราศรัยไม่สามารถเล่าแนวคิดของพรรคได้หมด จะต้องพูดให้กระชับจะอธิบายยาวไม่ได้ เพราะพี่น้องมาฟังตากแดด เช่น พูดว่า อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ ไม่ได้งก แต่รัฐธรรมนูญการคิดคะแนน ส.ส.ได้เปลี่ยน ถ้าเลือกน้อยอาจจะชนะไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะกระเป๋าเรายังไม่ตุง แต่กระเป๋าลุงมี 250 ส.ว."
กติกาการเลือกตั้งครั้งนี้เปลี่ยนไป ไม่เหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะคะแนนของคนแพ้จะถูกนำไปคิดเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อด้วย
ทำให้ คุณหญิงสุดารัตน์ จึงบอกในแทบทุกเวทีปราศรัยว่า ประชาชนต้องเลือกพรรคเพื่อไทยในทุกเขตไม่ต่ำกว่า 70,000 เสียง
"เพราะแต่ละเขตมีคนละเบอร์ บางคนบ้านอยู่ฝั่งนี้ตรงข้ามอีกเบอร์แล้ว ต้องอธิบายวิธีการนับคะแนนที่เปลี่ยนไป คนแพ้ต้องนับด้วย ที่บอกว่าเลือกพรรคเพื่อไทยให้ถล่มทลายคนก็จะหัวเราะ เราไม่ใช่งก แต่จำเป็นต้องถล่มทลาย เพราะลุงมี 250 ส.ว."
(คุณหญิงสุดารัตน์ - ลุงสมคิด พันธุ์พานิชย์ อดีตคนขับรถส่วนตัว ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม)
เข้าสู่เช้าวันที่ 2 คุณหญิงสุดารัตน์ ตื่นตั้งแต่เวลา 06.00 น. เดินทางจาก จ.มุกดาหาร ไปที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อร่วมเวทีปราศรัย ใน 3 เวที ที่ อ.ธาตุพนม อ.เมือง และ อ.นาแก
เวลา 08.00 น. คณะของคุณหญิงสุดารัตน์ เลือกที่จะพักนั่งทำงานก่อนขึ้นเวทีปราศรัยด้วยการจิบชาโบราณ และทานไข่ลวกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโฮสเทล โรงแรมขนาดเล็กภายใน อ.ธาตุพนม
"สวัสดีจ้า รู้กันทั้งเมืองแล้วเหรอคะ" คุณหญิงสุดารัตน์ สนทนากับลุงวัย 60 ปีที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาทักทาย
เขาไม่ใช่ใครที่ไหน คนคุ้นเคยคุณหญิงสุดารัตน์
เขาคือ ลุงคิดที่ลูกๆคุณหญิงสุดารัตน์มักเรียกติดปาก
'สมคิด พันธุ์พานิช' อดีตคนขับรถส่วนตัวให้กับคุณหญิงสุดารัตน์ ตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์ยังเรียนอยู่ ม.4 โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และยังเคยขับรถหาเสียงให้กับคุณหญิงสุดารัตน์สมัยเล่นการเมืองใหม่ๆ พร้อมทั้งยังเป็นผู้ปกครองเคยไปรับ - ส่ง ลูกๆทั้งสามคนถึงโรงเรียน
วันนี้ ลุงคิด ได้เกษียณตัวเองกลับบ้านมาอยู่ อ.ธาตุพนม ตั้งแต่คุณหญิงสุดารัตน์ยังเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์เมื่อปี 2548 เพราะลุงคิดต้องกลับมาดูแลแม่ที่ จ.นครพนม
ลุงคิดบอกว่าเขารู้ข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์มานั่งจิบชา เพราะหลานสาวข้างๆโรงแรมที่คณะคุณหญิงสุดารัตน์มาพักนั้นอยู่ใกล้กัน
คุณหญิงสุดารัตน์ บอกด้วยว่า จินนี่ ลูกสาวคนเล็กสมัยเด็กๆ ติดลุงคิดมาก
ระหว่างนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ได้ต่อสายโทรศัพท์หา จินนี่ทันที เพื่อให้คุยกับลุงคิด
"ฮาโหล จินนี่ จินนี่ ฮาโหลครับ หวัดดีครับ จินนี่เป็นไงสบาย โอ้... จินนี่ออกทีวีสวยกว่าแม่หน่อยอีก" ลุงคิด บอกจินนี่ในสายโทรศัพท์
ระหว่างนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ต้องอุทานว่า "อ้าว พูดอย่างนี้ได้ไง"
"จินนี่ เอาจริงๆ จินนี่เหมือนเกาหลีเลยนะ" ลุงคิด พูดอย่างอมยิ้มมีความสุขพร้อมทั้งหัวเราะ
(ลุงสมคิด โทรศัพท์คุยกับ จินนี่ บุตรสาวคนเล็กของคุณหญิงสุดารัตน์)
ลุงสมคิด ยังย้อนความหลังถึงความผูกพันที่เขามีกับคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งบางครั้งลุงคิดถึงขั้นกลั้นน้ำตาไม่ไหว
"คุณหญิงต้มไก่ใส่ไข่มดแดงจำได้ไหมครับ" ลุงคิด ถามผู้เป็นนาย
"คุณหญิงโมโหเลย ไปแวะซื้อไก่ที่ตลาดเนาะ ตอนนั้นจะต้มไก่ใบมะขามอ่อน ผมเห็นหน้าบ้านมีต้นมะม่วง มดแดงรังใหญ่ๆ เอามาทั้งรัง เขย่ามาเต็ม ผมเอาลงใส่หม้อเต็มหม้อ"
คุณหญิงสุดารัตน์ ยิ้มพร้อมบอกว่า "ไข่มาใส่เต็มหม้อหมดเลย ไข่มดแดง ไปเอามาทั้งรัง เราก็โมโห"
"น้องบอสไปฟ้องแม่ว่า ลุงคิดต้มไก่ไม่ปิดฝาหม้อ มดแดงเต็มหม้อเลย" ลุงสมคิด บอกอย่างอารมณ์ดีเพื่อให้คิดถึงวันเก่าๆที่เขาเคยมีในบ้านของว่าที่นายกฯ หญิง
"เดี๋ยวจะพาลุงคิดไปใส่ฟันที่กรุงเทพฯ " คุณหญิงสุดารัตน์ บอกกับ 'วอยซ์ ออนไลน์' หลังเห็นคนสนิทข้างกายเมื่อวันวานแต่วันนี้ฟันหลอด้วยหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
และอำลาลุงคิดพร้อมเดินหน้าไปเวทีปราศรัยต่อใน จ.นครพนม ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 2 วันเท่านั้น ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย และเดิมพันด้วยว่า คุณหญิงสุดารัตน์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง