ไม่พบผลการค้นหา
'อภิสิทธิ์' ไม่แปลกใจ 'ประยุทธ์' ไม่ลง ส.ส. กรีด 'เศรษฐา-แพทองธาร' ก็ไม่ลง ย้ำยังไม่หวนสนามการเมือง เวลาไม่เหมาะ ชี้ใน 'ปชป.' มีทั้งคนรัก-คนชัง

วันที่ 31 มี.ค. ที่ตลาดบ้านใหม่ ซอยเจริญกรุง 85 พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พร้อมด้วย วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรม กทม. ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อแนะนำตัว อภิมุข ฉันทวานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตยานนาวา-บางคอแหลม เพิ่งเป็นการลงพื้นที่หาเสียงครั้งแรกของ อภิสิทธิ์

โดยบรรยากาศระหว่างการลงพื้นที่เป็นไปอย่างคึกคัก มีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ในช่วงหนึ่ง อภิสิทธิ์ ได้กล่าวว่า ตนมีความผูกพันกับพื้นที่นี้ เนื่องจากได้เริ่มต้นลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2535 ร่วมกับ สมเกียรติ ฉันทวานิช บิดาของ อภิมุข

จากนั้น อภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ว่าจะเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ หรือทั่วประเทศ โดยระบุว่า แล้วแต่ผู้สมัครแต่ละท่านจะขอมา หากคิดว่าลงพื้นที่แล้วเป็นประโยชน์ก็จะพยายามจัดเวลาให้ สำหรับพื้นที่เขต ยานนาวา-บางคอแหลมนั้น มองว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะขอความไว้ใจจากประชาชน เนื่องจากตนก็มีความคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดี

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแครดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ด้วยนั้น อภิสิทธิ์ ระบุว่า ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะรัฐธรรมนูญได้เปิดช่องให้ทำเช่นนี้ได้ 

อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัว ตนยังอยากเห็นระบบของรัฐสภาไทยเป็นเหมือนรัฐสภาประเทศอื่นๆ ที่แม้คนทำงานจะเข้าไปทำงานฝ่ายบริหารแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบงานฝ่ายนิติบัญญัติด้วย เพื่อให้การทำงานสภาฯ เป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมมองว่า ข้อผิดพลาดหนึ่งที่พบมาหลายยุคคือความเชื่อที่ว่า ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารจะแยกออกจากกันได้ ซึ่งความคิดเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น

"เช่นครึ่งปีที่ผ่านมาเห็นได้ว่า เมื่อฝ่ายบริหารไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถเดินงานต่อได้ สะดุดตลอดเวลา ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ ซึ่งไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทั้ง เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ก็ล้วนไม่ได้ลงเลือกตั้งเป็น ส.ส.กันทั้งนั้น"

เมื่อถามถึงกรณี อภิสิทธิ์ เคยปราศรัยบนเวทีเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า ตนกรีดเลือดออกมาก็เป็นสีฟ้า จะมีโอกาสเห็นอภิสิทธิ์กลับมาทำงานการเมืองอีกหรือไม่ โดย อภิสิทธิ์ หยอกล้อว่า "นึกว่าจะถามว่าจะมีโอกาสเห็นผมกรีดเลือดไหม"

อภิสิทธิ์ ตอบว่า คงกลับมาไม่ได้ เพราะตนพูดเสมอว่า การจะทำงานการเมืองเต็มตัว ต้องมีปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เชื่อว่า เราสามารถทำประโยชน์ได้จริง ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคประชาชนและความคิดเห็นของสังคม ไม่ว่า 4 ปีที่ผ่านมาหรือการเลือกตั้งครั้งนี้เองตนก็มองว่ายังไม่เหมาะที่จะกระโดดกลับไปเป็น ส.ส. จึงมาสนับสนุนพรรคในฐานะสมาชิก ส่วนอนาคตก็ต้องแล้วแต่จะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่าจะสถานะใดโตก็คิดว่าสามารถทำประโยชน์ได้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยู่แล้ว

"ผมไม่เชื่อเรื่องการยึดตัวเองเป็นหลัก และไม่เชื่อในการสร้างพรรคการเมืองมาเพื่อรองรับตัวเอง แต่มองว่าทุกคนควรจะตระหนักว่า ทุกคนก็เป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งในระบบเท่านั้น ผมก็เล่นตามกติกาในระบบแบบนี้ ดังนั้นถ้าผมจะกลับมา ต้องหมายความว่า ทางสมาชิกพรรคต้องเห็นว่าผมควรจะกลับมา และสังคมให้โอกาสที่จะกลับเข้าไปทำงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเราอย่างเดียว"

ส่วนโอกาสในการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากกรรมการบริหารชุดปัจจุบันครบวาระนั้น อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถตอบได้ เพราะยังมาไม่ถึงเลย มองว่าสมาชิกพรรคทุกคนน่าจะใส่ใจกับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงในครั้งนี้ก่อน

เมื่อถามว่าแล้วมีสมาชิกพรรคเรียกร้องให้กลับไปบ้างหรือไม่ อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนก็มีแฟนคลับทั้งนั้น แล้วก็มีคนชังด้วยเป็นเรื่องปกติ ก็ขอบคุณใครก็ตามที่สนับสนุน แต่เชื่อว่าทุกคนเข้าใจเหตุผลที่ตนเคยให้ดี เพราะตนได้พูดตรงไปตรงมากับสาธารณะมาโดยตลอด

เมื่อถามต่อไปว่าสมาชิกบางคนรอไม่ไหว จึงย้ายพรรคออกไปก่อนแล้ว อภิสิทธิ์ หัวเราะ ก่อนจะพูดว่า ต้องรอดูต่อไป ซึ่งต่อมาได้ถามกลับผู้สื่อข่าวอย่างติดตลกว่า "นับได้กี่คนแล้ว"