ไม่พบผลการค้นหา
‘เอกภพ’ ติงรัฐบาลอุ้มทุนจีน จน SME ไทยจะตาย แถมดำเนินนโยบายการทูตแบบมดกับราชสีห์ ไม่มีเกียรติทางการทูต

นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใน 6 ประเด็นคือ

ประเด็นแรก: ปัญหาล้งลำไย ราคาส่งออกลำไยจากในอดีตจนถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึง 35 บาท/กก. แต่ราคาลำไยหน้าสวนลดลงเหลือ 13 บาท/กก. เพราะนายทุนจีนที่เข้ามาครอบครองตลาดฮั๊วะกันกดราคา ไม่เพียงแค่ลำไย แต่ยังรวมถึงสับปะรด ทุเรียน และมังคุด

ทั้งนี้ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้ แต่ไม่กล้าทำอะไร เพราะเราวางความสัมพันธ์กับจีนไว้วางไทยเป็นมด จีนเป็นราชสีห์

ประเด็นที่สอง : ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม โดยทุนจีนทะลักเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ดัชนีราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เนื่องจากทุนจีนที่เข้ามาทำให้อุปสงค์เทียม และมาปล่อยเช่าให้กับชาวไทยและชาวจีน เท่ากับว่าเงินค่าที่พักที่คนจีนมาเที่ยวก็เข้ามือคนจีน โรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางก็รายได้ลดลง

ประเด็นสาม : รถไฟความเร็วสูง ที่รัฐบาลไทยเซ็น MOU กับจีนตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษารายละเอียด แถมยังเขียนไว้ในจุดประสงค์ของโครงการว่าเป็นไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ทั้งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท และเมื่อการศึกษาออกมาพบว่าโครงการนี้ไม่คุ้มค่า จึงจำใจสร้างแต่ของลดสเปคจากรถไฟความเร็วสูงเป็นรถไฟรางคู่แทน เพราะรถไฟความเร็วสูงมีต้นทุนสูง และจะมีค่าบริหารสูงตามไปด้วย ประชาชนอาจเข้าไม่ถึง ส่วนการสร้างรถไฟรางคู่เพิ่มความสามารถในการเดินทางและประชาชนเข้าถึงได้ แต่จีนไม่พอใจ จนพล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบบินไปเจรจาที่จีนเมื่อมีนาคม 2559 เพราะไทยตอนนั้นไม่มีนานาชาติคบด้วย และท้ายที่สุดก็ต้องประกาศเดินหน้าโครงการนี้ต่อ และเปลี่ยนจากการร่วมทุนเป็นการที่ไทยลงทุนเองแต่กู้เงินมาจากจีน และเริ่มกู้สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงช่วงแรก 3.5 กิโลเมตร เพื่อเป็นการจองไว้

ประเด็นสี่ : รัฐไทยอุ้มบริษัทค้าออนไลน์จีน โดยตอนแรกจะมีการตั้งโกดังสินค้าในไทย โดยได้รับการยกเว้นภาษีคลังสินค้า 14 วัน ทั้งที่นายทุนไทยรายเล็กรายน้อยนำสินค้าเข้าไทยมาแล้วต้องเสียภาษีแบบยกตู้คอนเทนเนอร์ทันทีที่เข้าไทย แต่ในเคสของกลุ่มทุนจีน คือไม่เก็บภาษีจนกว่าจะหยิบสินค้าเข้ามาขาย แต่ราคาไม่าเกิน 1,500 บาทไม่เสียภาษี VAT และเมื่ออาลีบาบาได้รับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ก็ย่อมทำให้บริษัทออนไลนย์ไทยก็ย่อมเสียเปรียบและแข่งขันไม่ได้

ประเด็นห้า : กรณีการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เห็นได้ว่ารัฐบาลไทยไปรับคนไทยในอู่ฮั่นได้ช้า และการไม่ระงับวีซ่า on arrival

ประเด็นหก : รวมทั้งการจัดการแม่น้ำโขงที่จีนได้สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขงและสามารถกำหนดความอยู่รอดของประเทศปลายน้ำโขง เช่น ต้นปีที่ผ่านมาแม่น้ำโขงแห้ง รัฐบาลต้องเดินทางไปอ้อนวอนให้จีนปล่อยน้ำออกมา ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดถึงความเป็นมดที่เกรงใจราชสีห์ และผลคือปัญหาภัยแล้งในประเทศไทยแทนที่รัฐบาลไทยจะเปิดโต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ อยากเห็นรัฐบาลไทยดำเนินการทูตอย่างมีศักดิ์ศรี

สรุปคือตนไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่เอื้อทุนใหญ่ เอาใจทุนจีน และดำเนินความสัมพันธ์กับจีนแบบมดกับราชสีห์