วันนี้ (22 เม.ย.) เป็นวันแรกที่รถโดยสารในสังกัดองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมปรับขึ้นราคาค่าโดยสารตามมติคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง หลังจากให้ชะลอการปรับขึ้นราคาไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2562
สำหรับรถโดยสารในสังกัด ขสมก. ปรับขึ้น ดังนี้
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า การปรับค่าโดยสารรถ ขสมก. และรถร่วมในวันนี้ ดำเนินตามมติคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง และเป็นไปตามผลการศึกษาของสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ ที่ทำการศึกษามาให้ 1-2 ปีแล้ว โดยเป็นการปรับราคาตามภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามการศึกษาของทีดีอาร์ไอ กรมการขนส่งทางบกเป็นผู้ว่าจ้างศึกษา
"ขสมก. ไม่ได้ปรับค่าโดยสารมาตั้งแต่ปี 2554 -2555 แล้ว หรือ 6-7 ปีมาแล้ว โดยการปรับราคาครั้งนี้ มี 2 ขยัก เช่น รถเมล์ธรรมดา สีครีม-แดง ตามมติคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางให้เก็บ 10 บาท แต่เราเห็นว่า ถ้าเก็บเต็มเพดานประชาชนจะได้รับผลกระทบ ดังนั้น รอบแรกนี้จึงเก็บที่ 8 บาทก่อน จนถึงวันที่ 7 เม.ย. 2563 เพื่อให้ประชาชนมีเวลาปรับตัว 1 ปี ก่อนที่จะเริ่มเก็บเต็มเพดานที่ 10 บาท เพื่อลดภาระประชาชน ส่วนรถร่วมให้เก็บเต็มเพดาน" นายประยูร กล่าว
'วอยซ์ออนไลน์' ลงพื้นที่สำรวจความเห็นของประชาชนผู้ใช้บริการขนส่งมวลชน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่พอทราบว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ปรับขึ้นราคาค่ารถเมล์ โดยสังเกตพบว่า คนรุ่นใหม่หรือคนวัยทำงาน ทราบข่าวสารการปรับขึ้นราคาผ่านเฟซบุ๊ก หรือ โซเชียลมีเดียต่างๆ ส่วนผู้สูงอายุบางคนทราบผ่านทางวิทยุ และอีกหลายคนเพิ่งทราบเมื่อเช้าเมื่อมาใช้บริการ
ผู้โดยสารรายหนึ่ง บอกว่า การปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร 1-2 บาท ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก แต่สิ่งที่ต้องการให้ปรับไปพร้อมกันด้วยคือสภาพรถเมล์ และการบริการ
ขณะที่ นางบุญกอง สุขใจ วัย 64 ปี ผู้ใช้บริการรถเมล์ย่านอนุสารีย์ชัยสมรภูมิ บอกว่า ตนเดินทางโดยรถเมล์จากรามอินทรามาหาหมอแถวอนุสารีย์ชัยฯ อยู่บ่อย แต่เนื่องจากตนเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พอรถเมล์ปรับราคาจึงไม่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจากเดิมราคา 6.50 บาท บัตรจะถูกหักไป 3.25 บาท พอราคาขึ้นเป็น 8 บาท ก็ถูกตัดจากบัตรไป 4 บาท และไม่มีอะไรที่ต้องการให้ ขสมก.ปรับปรุงอีก
นายปรัชญา ทวีศรี วัย 17 ปี ชาวบางนา บอกว่า ปกติไม่ค่อยได้นั่งรถเมล์ เพราะเพิ่งเรียน กศน.จบ และทำงานรับจ้างอยู่แถวบ้าน วันนี้มาทำธุระในกรุงเทพฯ ซึ่งนานๆ ทีจะเข้ามา และก็ไม่รู้ว่า วันนี้ราคารถเมล์ปรับขึ้น เพราะที่ผ่านมา ไปไหนมาไหนแถวบ้านก็ขี่มอเตอร์ไซค์ของตนเองเป็นหลัก
ผู้โดยสารชายวัยเกษียณอีกรายบอกว่า ทราบเรื่องราคารถเมล์ปรับขึ้นจากวิทยุ ปกตินั่งรถเมล์จากปากเกร็ดมาเยาวราชเป็นรถเมล์ปรับอากาศเริ่มต้นที่ 8 บาท วันนี้ขึ้นมาเป็น 10 บาท ส่วนราคาที่เพิ่มขึ้น ถ้าสำหรับคนรายได้น้อยก็ถือว่าแย่ เพราะภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และได้ยินมาว่า ขสมก.ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเพราะขาดทุน แต่คิดว่า ไม่น่าใช่ เพราะก็มีคนใช้รถเมล์ตั้งเยอะ หลายคันก็มีคนแน่นเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารรายนี้ บอกด้วยว่า เมื่อราคาค่าโดยสารขึ้นแล้ว ก็อยากให้ปรับปรุงเรื่องบริการให้ดีขึ้นด้วย
ด้านผู้โดยสารซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งอีกราย บอกว่า ปกติเดินทางจากที่พักย่านต้นถนนลาดพร้าวต้องขึ้นเมล์ไปต่อรถตู้เพื่อไปทำงานย่านรามคำแหง ซึ่งวันนี้ทั้งรถเมล์และรถตู้ก็ขึ้นราคา เช่นรถเมล์ปรับอากาศที่ขึ้นก็เริ่มต้นที่ 12-13 บาท จากเดิม 10-11 บาท แล้วพอไปต่อรถตู้ วันนี้รถตู้ก็ปรับขึ้นจาก 15 บาท เป็น 20 บาทตลอดสาย
"ถ้าต้องเดินทางขึ้นรถหลายต่อ การปรับขึ้นราคาตอนนี้ ก็มีค่าใช้จ่ายเยอะอยู่ แต่ถ้าขึ้นต่อเดียวก็ไม่เป็นไร อีกทั้งถ้าจะปรับราคารถ ก็น่าจะปรับสภาพรถโดยสารให้ดีขึ้นด้วย" ผู้โดยสารรายหนึ่งกล่าว
ขณะที่ กระเป๋ารถเมล์ร่วมรายหนึ่ง บอกว่า วันนี้ราคาค่าโดยสารขึ้นจาก 9 บาทเป็�� 10 บาทตลอดสาย ผู้โดยสารก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาคงรู้จากข่าวแล้ว แต่ส่วนตัว ถึงราคารถเมล์ขึ้น แต่ในฐานะคนเป็นกระเป๋ารถเมล์ร่วม ตนก็ไม่ได้อะไรเพิ่มมาก เพราะต้องเสียค่าเช่ารถมาขับหาเงินวันละ 3,500 บาท ค่าก๊าซอีกวันละ 1,200 บาท เหลือไว้ที่ตัว 100-200 บาทเท่านั้น เพราะบางวันแทบไม่ได้ค่าเช่าด้วยซ้ำ ทั้งที่วันๆ หนึ่งวิ่งรถ 2-3 เที่ยว แต่หน้าร้อนอย่างนี้ ก็วิ่งได้น้อยเพราะตอนบ่ายอากาศร้อนมาก วิ่งไม่ไหว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :