เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีประชาชน ที่อยู่อาศัยในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งของเมืองกวางโจวบางส่วน ตรวจพบว่าติดโควิด-19 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลงเข้าตรวจสอบอาคารดังกล่าว เพื่อตามหาผู้สัมผัสใกล้ชิดที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพัก เนื่องจากความพยายามในการหลีกเลี่ยงการถูกนำตัวไปยังศูนย์กักกันโรค
ปัจจุบันนี้ จีนยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์อยู่เช่นเคย และการสั่งกักตัวยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในจีน โดยจีนยังคงนโยบายการล็อกดาวน์ ปิดพรมแดน และการกักตัวอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการพังประตู เพื่อบุกเข้าจับกุมผู้สัมผัสใกล้ชิดออกมาเปิดเผยว่า พวกตนจะทำการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าชดเชยความเสียหาย
จากรายงานของสำนักข่าว Tianmu News เปิดเผยว่า มีประตูจำนวน 84 บานของบ้านแต่ละหลัง ที่ได้รับความเสียหาย หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่บริการชุมชนเข้าพังประตู เพื่อบุกจับตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่อพาร์ทเมนท์ดังกล่าวมีผู้ถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 ทั้งนี้ จากรายงานของหนังสือพิมพ์ The Global Times เปิดเผยว่า ประชาชนในอพาร์ทเมนท์บางส่วนย้ายไปอยู่ยังศูนย์กักกันโรคชั่วคราวแล้ว แต่ “ผู้สัมผัสใกล้ชิดบางรายถูกพบว่าหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน” จนเจ้าหน้าที่ต้องลงบุกพังประตู เพื่อเข้าค้นหา “ผู้อยู่อาศัยที่หลบซ่อนตัวอยู่”
ข่าวดังกล่าวที่ถูกส่งต่อไปทั่วทั้งโซเชียลมีเดียของจีน ได้สร้างความโกรธให้แก่ประชาชน ประชาชนหลายรายเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับการพังประตูถูกดำเนินคดี ภายใต้ความผิดจากการบุกรุก ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของประเทศจีนเอง ประชาชนบางรายระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดหลักนิติธรรมของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองกวางโจงได้ออกแถลงการณ์ขอโทษ จากเหตุการณ์พังประตูอพาร์ทเมนท์ เพื่อเข้าค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยมีการระบุว่า การบุกพังประตูนั้น “เบี่ยงเบนไปจากข้อกำหนดของการป้องกันการแพร่ระบาด” และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะต้องถูกนำตัวมาลงโทษ
ที่มา: