ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ย้ำ 'ธนาธร' ยังนั่งหัวหน้าพรรค-แคนดิเดตนายก รอคำวินิจฉัยส่วนตนออกพร้อมวิพากษ์ทันที ลั่นส่วนตัวค้านคำวินิจฉัยสอยหัวหน้าพรรคพ้น ส.ส. บี้หยุดเผาบ้านทั้งเมืองจับหนูตัวเดียว ย้ำ รธน.เปิดทางให้ชุมนุมอย่างสันติได้ ส่วน 'ภูมิธรรม' จับมือให้กำลังใจ

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่รัฐสภา ย่านเกียกกาย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ระบุหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. โดยระบุว่า หากถามว่าตนยอมรับคำวินิจฉัยหรือไม่ ต้องตอบว่ารัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นที่สิ้นสุดและผูกพันธ์ทุกองค์กร ดังนั้น จะยอมรับหรือไม่ยอมรับนั้นแต่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด แต่ในส่วนของตนนั้น ในฐานะที่เรียนกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเคยประกอบอาชีพเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ เคยบรรยายกฎหมายรัฐธรรมนูญมาไม่น้อย และในฐานะวันนี้มาเป็น ส.ส. ขอใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ และถ้าเมื่อไรก็ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ เอาคำวินิจฉัยเต็มออกมาเผยแพร่ และมีความเห็นส่วนตนของตุลาการแต่ละท่านมาเผยแพร่ ตนจำเป็นจะต้องใช้สิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยอย่างแน่นอน

"ยังยืนยันว่าคุณธนาธร ยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และเมื่อใดก็ตามที่มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่ คุณธนาธรจะยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคอนาคตใหม่ยังมีเส้นทางทางการเมืองอีกยาวไกล ยังคงจะรณรงค์ในเรื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของเรื่องภายในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อน ส.ส.ของพรรคไม่ได้เสียอกเสียใจอะไร ทุกคนกำลังใจดี ทำงานก็นเต็มที่ เพียงแต่เสียดายโอกาสสำหรับคนที่มีความรู้ความสามารถ น่าจะได้มาทำงานในสภา ได้มีโอกาสอภิปราย และถึงแม้คุณธนาธรจะสิ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. แต่ยังคงเป็นหัวหน้าทีมการเตรียมข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้" นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร ระบุว่า ไม่ได้กังวลเรื่องคดีความหรือเรื่องที่ว่าจะไปถึงขั้นยุบพรรค เพราะตอนตั้งพรรคก็คิดไว้แล้วว่า ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเจอมรสุมภายใต้กติกาที่เป็นอยู่นี้ แต่เชื่อว่าภายใต้ความมุ่งมั่นปรารถนาดีของเรา คิดว่า ผู้มีอำนาจจะเปิดโอกาสให้ได้แสดงออกร่วมพัฒนาบ้านเมือง พาประเทศออกจากชุดความขัดแย้งที่ผ่านมาได้ เราพร้อมสู้ทุกคดี วันนี้จาก 25 คดี ลดเหลือ 24 คดี ส่วนวันหน้าจะเพิ่มอีกเป็น 30 คดี ก็ไม่กังวล แต่อย่างไรก็ตามอยากบอกว่า หนังม้วนเดิม 10 กว่าปีที่ผ่านมาฉายซ้ำหลายรอบแล้ว ไม่เคยทำสำเร็จ ยังวนที่เดิม คิดว่า หมดเวลาฉายหนังม้วนเก่าแล้ว ถามว่า ตกลงประเทศนี้จะลงทุนทุกองคาพยพเพื่อจัดการนักการเมือง จัดการพรรคการเมือง จะเผาบ้านทั้งบ้าน จะเผาป่าทั้งป่า เพื่อจัดการหนูตัวเดียวอย่างนั้นหรือ หนังเรื่องนี้ควรปิดกองถ่ายได้แล้ว

"ในการอ่านคำวินิจฉัยวันนี้ สิ่งที่เสียดายมากๆ คือ ท่านเปิดการอ่านด้วยประโยคแรกๆ เรื่องเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) แต่ท่านไม่ได้พูดถึงว่าการถือหุ้นบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด สุดท้ายแล้วมีอิทธิพลการใช้สื่อเป็นเครื่องมือหรือไม่อย่างไร และสุดท้ายบรรทัดฐานนี้จะอยู่ตรงไหน เพราะ ส.ส.ในสภา ตอนนี้หลายคนก็ต้องลุ้นว่าตัวเองจะโดนแบบนี้บ้างหรือไม่ เพราะยังมีคดีอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็มี ส.ส.บางคนที่ไม่ต้องลุ้นอะไรเลย แม้มีคู่สมรสเป็นเจ้าของสื่อ เป็นผู้บริหารสื่อ ถามว่า มาตรา 98 (3) เจตนารมย์รัฐธรรมนูญนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ต้องการให้จัดการเรื่องนักการเมืองครอบงำสื่อจริงๆ หรือสุดท้ายจะเป็นเครื่องมือให้สื่อบางค่าย บางสำนัก ที่พยายามจะขุดคุ้ยและจับผิดนักการเมือง" นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า อยากฝากประโยคทิ้งท้ายว่า Do you hear the people sing? จะทำอะไรก็ฟังเสียงประชาชนบ้างว่าเขาก่นร้องเรื่องอะไร ทั้งนี้ เวลาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือเวลาที่ กกต.ใช้อำนาจตนเอง เป็นเรื่องที่ปรากฏในที่สาธารณะ และไม่ใช่แค่ตนหรือพรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ประชาชนสามารถใช้วิจารณญาณในเรื่องนี้ได้เช่นกัน ส่วนคำถามที่ว่า เรื่องลงถนนหรือไม่ลงถนน อยากบอกว่าเวลาพูดเรื่องการชุมนุม เรามีภาพในอดีต 10 กว่าปี ว่ามีแต่ความขัดแย้ง รุนแรง ปิดสถานที่ต่างๆ แล้วพอภาพจำ 10 กว่าปีเริ่มหายไป ก็ไปเอาภาพต่างประเทศมาจำแทน เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่า การชุมนุมสาธารณะเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ การชุมนุมไม่ได้เท่ากับความไม่สงบเสมอไป เรามีการชุมนุมที่สันติได้ นี่คือหลักการพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้

ภูมิธรรม เวชยชัย จับมือให้กำลังใจปิยบุตร แสงกนกกุล หลังศาล รธน.วินิจฉัยธนาธรพ้น ส.ส.

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อหลังเข้าจับมือและให้กำลังใจนายปิยบุตร โดยระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ชี้ให้เห็นว่า รธน.ฉบับนี้มีกลไกและรายละเอียดที่แตกต่างไปจาก รธน.เดิมๆ ที่ผ่านมา และคำตัดสินจะถูกทำให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป และเห็นว่า นี่คือเหตุผลที่คงต้องมา ทบทวน พิจารณากันว่า กติกาและรายละเอียดของ รธน.ฉบับนี้มีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร หากกติกาที่วางนี้ไม่สอดคล้องกับความจริง และก่อปัญหาในทางปฎิบัติ สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า รธน.มิได้เอื้อหรือก่อประโยชน์ให้การเมืองสามารถเดินหน้าต่อไปอย่างปกติ

"นี่คือเหตุผลสำคัญที่ควรมีการทบทวนและหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการแก้ไขรธน.ให้เป็นกติกาที่ไม่สะท้อนความวิปริตและความไม่ปกติของการทำงานทางการเมือง..กลายเป็นเครื่องมือที่สร้างปัญหาต่อการทำงานการเมืองและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานการเมืองที่ปกติ" 

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานการเมืองร่วมกันของ 7 พรรคฝ่ายค้าน เพราะที่ผ่านมาการร่วมมือกันของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ล้วนอยู่บนอุดมการณ์ประชาธิปไตยร่วมกัน และไม่ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรค ล้วนจะส่งใครมาทำงานประสานงานก็จะทำงานอยู่บนฐานอุดมการณ์ประชาธิปไตย และการร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาชีวิตของประชาชน 

"แม้การตัดสินที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบทำให้คุณธนาธรต้องพ้นสมาชิกภาพแต่เขาก็ยังดำรงสถานะเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อยู่ ชึ่งก็ไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของ7พรรคร่วมฝ่ายค้าน..ตรงข้ามกัน ยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันมากยิ่งขึ้น" นายภูมิธรรมกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง