นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะพยานปากแรก โดยชี้แจงว่า บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ก่อตั้งมากว่า 10 ปี ส่วนตนเองมาถือหุ้นช่วง 5 ปีหลัง จากการที่มารดาต้องการให้ภรรยาตัวเองมีธุรกิจบางอย่างดูแล และตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารและดำเนินการใดของบริษัท พร้อมทั้งยืนยันว่า ตนได้โอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 แล้ว
กกต. ได้เน้นการซักถามถึงการเดินทาง ตารางงานการนัดหมายของนายธนาธรและที่อยู่รวมถึงการปราศรัยหาเสียงว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ก่อนการปราศรัยที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งวันเดียวกันที่มีการโอนหุ้น โดยนายธนาธร ย้ำตลอดว่า จำรายละเอียดไม่ได้ แต่มีหลักฐานทุกอย่างที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดตารางงานและการเดินทางต่างๆ รวมถึง ส.ส. ของพรรคหลายคนอยู่ในพื้นที่ร่วมกับธนาธรด้วย ที่จะมาให้ศาลประกอบการพิจารณาได้
"ไม่เคยยุ่งกับบริษัทนี้ และไม่เคยทำธุรกิจสื่อมาก่อน" นายธนาธร ย้ำเบื้องต้นต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ศาลถามถึงการโอน ที่พยานนัด 8 ม.ค. 2562
ธนาธร : เป็นวันโอนวันที่ 8 ม.ค. 2562 ไม่ได้เป็นวันพิเศษอะไร การซื้อขายหุ้น ถ้าไม่เกิดเรื่องราวก็ปกติ
มันมีการคุยหลายรอบในครอบครัว เมื่อลาออกจากบริษัทมาทำงานการเมืองก็คุยลงรายละเอียด ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมดเท่านั้นเอง
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : โอนหุ้น 8 ม.ค. 2562 ต้องนัดก่อน
ธนาธร : ใช่ครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าผมนัดหาเสียงไว้ก่อน หรือนัดโอนหุ้นไว้ก่อน
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : แล้ววันหาเสียงจะรู้ได้ไง ว่าเป็นวันที่ 8 ม.ค. 2562
ธนาธร : มันก็มีปฏิทินการทำงานว่าช่วงไหนวันไหน ผมจะลงพื้นที่ภาคอีสาน ผมจะลงพื้นที่ภาคเหนือ
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ: ถ้าไม่รู้ มีคนบอกว่า 8 ม.ค. 2562 ต้องไปหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ คุณธนาธรต้องนึกได้ว่าวันที่ 8 ม.ค. นัดโอนหุ้นที่ กทม. ผมจะไปหาเสียงดีกว่า เพราะเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน จะเลื่อนโอนหุ้นวันที่ 8 ม.ค. 2562 ได้ไหม
ธนาธร : ผมจำไม่ได้เลยครับว่า ผมนัดหาเสียงไว้ก่อน หรือนัดการประชุมโอนหุ้นไว้ก่อนผมจำไม่ได้เลยครับ
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : ค่าซื้อขายหุ้นเป็นเงินเท่าไหร่?
ธนาธร : "ผมจำไม่ได้ครับ 6 ล้านกว่าหรือยังไง"
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : อู้...ขอพยานดูเช็คหน่อยแล้วกัน เงินตั้ง 6 ล้าน พยานจำไม่ได้ เป็นผม ผมไม่กล้าเซ็นต์นะ 6 ล้านเนี่ย
ธนาธร : "ผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินครับ"
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : การขึ้นเช็คล่าช้าไปเกือบ 5 เดือน ขอถามเหตุผลได้ไหมว่าเพราะอะไร?
ธนาธร : "อย่างที่ผมเรียนไปเมื่อสักครู่นะครับ ครอบครัวเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเลย ทีนี้มีอีกหลายกรณีที่เป็นแบบเดียวกัน เช็คบางฉบับเราถือ 8 เดือน 6 เดือน ก็ต้องถามภรรยา บางทีผมเอาเช็คเข้ามา เก็บใส่กระเป๋า แล้วก็ส่งไปซักแห้ง กลับมาเช็คก็อยู่ตรงนั้นอ่ะ คือมันก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดอะไร ผมคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ภรรยาผม เพื่อความสะดวกในการไปขึ้นเช็คหรืออะไร มันก็แล้วแต่เขา เขาก็จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้"
ในช่วงหนึ่ง นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถามนายธนาธรว่า พยานเบิกความว่า ได้นัดโอนหุ้น ของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ในวันที่ 8 ม.ค. 2562 ไว้ล่วงหน้า ก่อนแล้ว นัดไว้ล่วงหน้านานสักเท่าไหร่ ประมาณเดือนไหน
ธนาธร : "โอย...จำไม่ได้เลยครับ"
จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : แล้วเมื่อตัดสินใจเข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองแล้วเนี่ย พยานก็ต้องถอนตัวออกจาก ภาคธุรกิจ ซึ่งรวมทั้งธุรกิจสื่อด้วย?
ธนาธร : "ไม่ใช่ครับ ที่บริษัทนี้ ผมไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารครับ"
จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : ซึ่งถ้าเป็นบริษัททำสื่อก็ต้องโอนหุ้นทิ้งเหมือนกัน?
ธนาธร : "ตอนที่ทำทั้งหมด เราไม่ได้คิดอย่างนี้เลย ผมเรียนทุกท่านว่า วันที่ 8 ม.ค. 2562 ยังไม่มีใครรู้นะครับว่า เลือกตั้งวันไหน พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ไม่ได้ออกก่อนวันที่ 8 นะครับ วันที่ 8 ม.ค. ไม่มีใครรู้ว่าเลือกตั้งวันไหนนะครับ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งออกปลายเดือน ม.ค. นะครับ ดังนั้นทำทุกอย่างเรารู้อยู่แล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วมันจะมีการเลือกตั้ง ดังนั้นสิ่งที่เราทำ เวลา อะไรมันเหมาะสมกับคนทุกคน มันก็นัดวันนั้น ผมคาดเดาไม่ได้หรอกว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่"
ระหว่างการไต่สวนพยาน 'ธนาธร' ยังถูกถามซ้ำๆ ก็คือ เรื่อง วัน เวลา สถานที่ที่นายธนาธรอยู่ในช่วงหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์
ธนาธร : "ผมอยากให้ทุกท่านเข้าใจผมจริงๆ 4 วัน สมมตินะครับ 4 วันไป 4 จังหวัด จังหวัดหนึ่ง 3-4 อำเภอ มันเดินทางจากตรงนี้ ไปตรงนี้ มันไม่มีทางจำได้หรอก ถ้าใครทำแบบเดียวกับผม ผมก็กล้ายืนยันว่า คุณไม่มีทางจำได้แน่ๆ ผมเชื่อว่า ถ้าเป็นเรื่อง ของการหาเสียง ผมหาเสียงไม่น้อยกว่าใครแน่ๆ ผมไปหาเสียง ลงพื้นที่ ไม่น้อยกว่านักการเมืองคนไหนในประเทศนี้แน่ๆ ผมทำงานหนักมาก"
"ผมไม่รู้จะตอบอะไรแล้ว ก็ผมบอกว่าผมจำไม่ได้ ผมเชื่อว่าถ้าคุณมาทำแบบเดียวกับผม คุณก็จำไม่ได้เหมือนกัน"
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : ทำไมพยานไม่อ้างนายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ (คนขับรถนายธนาธร) ถ้านายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ เป็นพยานที่สำคัญ ในการยืนยัน ที่พยานไปปราศัยที่ จ.บุรีรัมย์?
ธนาธร : "ผมไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร ย้อนกลับไป ท่านคิดว่า เคสบุรีรัมย์มากรุงเทพฯเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะผมตอบคำถามผู้สื่อข่าวแค่ครั้งเดียว แล้วเป็นเรื่องที่ตอบคำถามตั้งแต่ ต้นเดือนเมษายน ปลายเดือนมีนา หลังเลือกตั้ง ผมตอบคำถามผิดแค่ครั้งเดียว เพราะมันจำไม่ได้ รายละเอียด แล้วดังนั้นเนี่ย มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้งๆ ที่ มันไม่มีเรื่องอะไรเลย"
และเมื่อถูกซักต่อในประเด็นเดิม
ธนาธร ตอบว่า "ถ้าอย่างนั้นผมก็ตอบด้วยความสัตย์จริง ว่าคนที่บอกว่า ใครจะเป็นพยานคือทนายผม ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เขาเรียกเอกสารอันไหนไปทำ หรือไม่เรียกเอกสารอันไหนไปทำ ใช้อะไร หรือไม่ใช้อะไร"
"ผมต้องเรียนท่าน 41 ปี ในชีวิตของผม นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมเข้ามานั่งหน้าบัลลังก์ ต่อหน้า ท่านตุลาการทุกท่าน ผมไม่เคยมีคดีความอะไรมาก่อนเลยในชีวิต ผมไม่มีประสบการณ์ นี่เป็นครั้งแรกนะครับท่าน"
ทนาย ฝ่ายผู้ร้อง (กกต.) : คุณทราบไหมว่ารถที่ขับกลับกรุงเทพฯ ใช้ความเร็วเท่าไหร่?
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ถามแทรก) : ทนายๆ ขออนุญาต รถเร็วเพียงใด เขารู้แล้ว เขาเหยียบเต็มที่อ่ะ ช่วงไหนว่างก็ซัดเต็มที่ ช่วงไหนมีรถคันหน้าก็ต้องระวังอ่ะ สวนกันเร็วมากก็เดี๋ยวอันตรายอีก เพราะฉะนั้นถามไม่มีประโยชน์หรอก
ธนาธร : (หัวเราะ)
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : ที่ทนายถาม เพราะเห็นว่า คุณธนาธรไม่มีโอกาสต่อสู้เต็มที่ จึงได้ส่งเอกสารคลาดเคลื่อน บางทีชี้แจงไม่ทัน กกต. ก็รวบรัด แต่ในชั้นศาล ศาลก็ได้ให้โอกาสคุณธนาธร ชี้แจงเพิ่มเติมได้เต็มที่อยู่แล้ว แม้กระทั่งคุณธนาธรจะขอขยายคำให้การ ศาลก็อนุญาตให้ คือครั้งแรกจะยื่นก็ยังไม่พร้อม ฉะนั้น สรุปแล้ว ชั้นศาลเนี่ย มีขั้นตอนไหนที่คุณธนาธรไม่ได้รับความไม่ถูกต้องบ้างครับ
ธนาธร : "ทุกท่านครับ ผมต้องเรียนท่านอย่างนี้ เอกสารที่เรียกผมไปชี้แจง มาวันนี้ แต่เรียกเมื่อ 2 วันที่แล้ว เอกสารมาหาถึงแม่ผม จดหมายเนี่ยนะครับมาถึงคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ (มารดานายธนาธร) ตอนบ่าย แต่วันที่ระบุให้ไปรายงานตัว ไปคุยกับ กกต. ตอนเช้า เราไม่มีไทม์แมชชีนนะครับท่าน ไม่ใช่แค่นั้นครับทุกท่านครับ กกต. ยื่นเรื่องนี้ เข้ามาที่ศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างทีอนุซึ่งทำการสอบสวนอยู่ ยังไม่จบเรื่องเลยนะครับ ทุกท่านครับ due process ในกระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ miranda right (สิทธิที่จะไม่พูด) ถ้า process มันผิด ไม่ต้องไปพิจารณาคดีแล้วครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และสิทธิของผมในเรื่องนี้ ควรจะต้องได้รับการปกป้อง ได้รับการพิทักษ์ แล้วผมสงวนสิทธิไว้ด้วยว่า เมื่อไหร่ที่ คสช. หมดอำนาจ ผมจะดำเนินคดีกับ กกต. ที่ทำผิดกระบวนการเรื่องนี้"
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อนๆ เดี๋ยวกลายเป็นว่าฟ้อง กกต. ไปแล้ว
ธนาธร : "อ่อ แน่นอนครับ เมื่อถึงเวลา"
ถ้าวันนี้ท่านตัดสินเป็นคุณแก่ผม ออกไป ผมจะดำเนินการเรื่อง Blind Trust ต่อทันที ให้บุคคลที่สามจัดการทรัพย์สินผมให้หมดเลย อย่างที่ผมสัญญากับประชาชนไว้
ธนาธร กล่าวคำแถลงปิดคดีด้วยว่า "ผมตั้งใจอย่างจริงที่จะทำงานการเมือง โดยที่ไม่มี ข้อผลประโยชน์เหมือนกับที่คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกฯ) โดนมาก่อน เพราะผมไม่ได้ตั้งใจมานั่งที่นี่ มาทำอย่างนี้ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ผมอยากจะผลักดันประเทศชาติให้ไปข้างหน้า ให้หลุดจากความขัดแย้ง ให้กลับมาเป็นประชาธิปไตย ให้มีนิติรัฐ ให้มีนิติธรรม ดังนั้น เป็นความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเอาตัวเองออกจากการเมือง แล้วถ้าวันนี้ท่านตัดสินเป็นคุณแก่ผม ออกไป ผมจะดำเนินการเรื่อง Blind Trust ต่อทันที ให้บุคคลที่สามจัดการทรัพย์สินผมให้หมดเลย อย่างที่ผมสัญญากับประชาชนไว้ ผมสัญญากับประชาชนเรื่อง Blind Trust ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดอะไรเรื่องนี้ เพราะผมตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว ใช้มาตรฐานนักการเมืองตะวันตก ที่จะเอาทรัพย์สินของผม ไปดูแลจัดการ โดยที่ผมไม่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้จัดการเรื่อง Conflict of interrest เพราะผมไม่ใช่คุณทักษิณ ผมไม่ได้เข้ามา เพื่อที่จะมีผลประโยชน์ เพื่อที่จะมีบริวารห้อมล้อม ไม่ใช่ ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ ผมตัดสินใจอย่างนี้ เพราะผมอยากเปลี่ยนแปลงสังคม เพราะสังคมมันเดินหน้าอย่างนี้ต่อไปไม่ได้"
บุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ : นี่เก่งกว่าทนายอีกนะเนี่ย แถลงการณ์ได้ดีมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง