ไม่พบผลการค้นหา
'ปริญญา' ส.ส. สัดส่วนผู้พิการ พรรคก้าวไกล ยกเคส ‘พลทหารประจักษ์’ พิการระหว่างประจำการ เป็นบทเรียน ลอยแพครอบครัว ปล่อยวิ่งหาการชดเชยเยียวยาเอง ล่าสุด ชวดค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญาเพราะยื่นขอเกินกรอบเวลา จี้กองทัพต้องใส่ใจกำลังพล ย้ำถึงเวลาต้องปฏิรูปกองทัพ ต้องยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร

ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนคนพิการ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอแสดงความเห็นทิ้งทวนช่วงเวลาเกณฑ์ทหารที่เพิ่งจบลงเมื่อวันที่ 20 เม.ย.65 ที่ผ่านมา เพื่อบอกกล่าวกับสังคมไทยว่า ภายใต้ระบบกองทัพอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ การเป็นทหารอาจไม่ได้อะไรอย่างที่คุณคิด เส้นทางที่ควรมุ่งไปคือ การปฏิรูปกองทัพและการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารเพื่อให้มีทหารอาชีพ ที่มีสวัสดิการและสวัสดิภาพในชีวิตมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน

ในฐานะ ส.ส.สัดส่วนผู้พิการ ได้ติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นกับ พลทหารประจักษ์ แก้วคงธรรม มาตลอด และได้เคยเข้าไปเยี่ยมครอบครัวหลังเกิดเหตุ รวมถึงช่วยประสานงานทางคดีเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัว กรณีที่เกิดขึ้นกับ พลทหารประจักษ์ คือ จากหนุ่มนักกีฬา สุขภาพแข็งแรง รักในการรับใช้ชาติในบทบาทชายชาติทหาร แต่กลับนำไปสู่ความพิการที่เกิดจากการถูกกระทำ โดยมีรายงานว่าเป็นการถูกซ้อมในระหว่างประจำการ สังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กระทั่ง ปลดประจำการมายังคงมีอาการสมองเสื่อม จำคนรอบข้างไม่ได้ กลายเป็นคนพิการถาวร และต้องรับการรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง 

Image from iOS (16).jpg

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ครอบครัวต้องรับมือกับภาระรอบด้านตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 มาจนถึงปัจจุบัน จากที่เคยเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของครอบครัว สามารถดูแลแม่ที่มีอายุมากและลูกๆได้เป็นอย่างดี กลับกลายเป็นสภาพที่สวนทางกัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไม่ดี หางานทำยากลำบาก แม่ที่อายุมากต้องรับบทบาทนี้แทน ขณะที่การชดเชยเยียวยาจากกองทัพกลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้ โดยต้องยื่นเรื่องต่อกรมสืบสวนคดีพิเศษเพื่อสืบเสาะหาข้อเท็จจริง ทั้งที่เมื่อเกิดเหตุ ความยุติธรรมควรจะมาถึงครอบครัวโดยทันที ไม่ใช่การต้องต่อสู้ดิ้นรนของครอบครัวเช่นนี้

“ล่าสุด ทางครอบครัวเพิ่งได้รับหนังสือตอบจากคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายแก่จำเลยในคดีอาญา ซึ่งทางคุณแม่ของพลทหารประจักษ์ได้เคยยื่นคำขอไว้ โดยหนังสือตอบกลับมาว่าเป็นการยื่นคำขอเกินระยะเวลาภายในหนึ่งปีตั้งแต่วันที่ผู้เสียหายได้รู้ถึงการกระทำผิด จึงได้ยกคำขอไป ระเบียบของฝ่ายยุติธรรมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การที่กองทัพปล่อยให้ผู้เสียหายต้องดิ้นรนเรียกร้องการชดเชยเยียวยาความยุติธรรมด้วยตัวเองเช่นนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้เลย”

Image from iOS (14).jpg

ปริญญา กล่าวว่า ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ตนได้เคยปรึกษาหารือเรียกร้องความรับผิดชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านประธานสภา เมื่อวันที่ 21 ม.ค.64 แต่ก็ไม่ได้รับความคืบหน้าเท่าที่ควร จึงได้ยื่นเรื่องเข้าสู่ กมธ.การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ส่วนคดีที่ทีมงานพรรคก้าวไกลร่วมกับทนายความสิทธิมนุษยชน ยื่นเรื่องสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ขณะนี้ DSI ได้รับเรื่องเรียบร้อยแล้ว จึงต้องคิดตามความคืบหน้ากันต่อไป

ปริญญา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากกองทัพยังเพิกเฉยปล่อยให้มีวัฒนธรรมลอยนวล ช่วยเหลือพวกพ้องและคนผิดเช่นนี้ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในค่ายทหารจะคงอยู่ต่อไป พรรคก้าวไกล มีความฝันอยากเห็นกองทัพที่เปิดเผยและทันสมัย มีทหารเข้าประจำการณ์เพื่อทำหน้าที่อย่างมืออาชีพที่เหมือนนานาอารยประเทศ แม้ปัจจุบันสถานการณ์ความมั่นคงของโลกอยู่ในภาวะไม่แน่นอนก็จริง แต่สำหรับประเทศไทยยังอยู่ไกลกับคำว่า ภาวะสงครามที่ต้องใช้การเกณฑ์กำลังพลจำนวนมาก สิ่งควรเป็นคือการปฏิรูปให้มีกองทัพกระชับ เพื่อเปลี่ยนงบประมาณไปซื้ออาวุธที่ทันสมัยและมีศักยภาพในการป้องกันประเทศมากขึ้น 

ในเรื่องนี้ พรรคก้าวได้เสนอแนวทางรูปธรรมด้วยการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เข้าสู่สภา แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าด้วยเทคนิคทางกฎหมาย ทำให้ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัดตกไปด้วยข้ออ้างว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่สังคมไทยพลาดโอกาสสำคัญในการปฏิรูปกองทัพ อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าผลักดันเรื่องนี้ต่อไปอย่างแน่นอน