วันที่ 8 ต.ค. จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในเขตอำเภอพรรณานิคม และอำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร พบว่า หลังจากที่มีความเห็นของนักวิชาการบางส่วนออกมาคัดค้านนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท รวมทั้งมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องส่งต่อทางไลน์ ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง เนื่องจากประชาชนคาดหวังและวางแผนไว้ว่าในช่วงต้นปีหน้าจะนำเงินดิจิทัลไปต่อยอดอาชีพ บางรายได้คุยกับตนว่าจะนำเงินไปซื้อปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ข้าว หรือบางรายเตรียมจะนำไปซื้ออุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านที่ผุพัง เนื่องจากประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเดินทางไม่สะดวก ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะเดินทางและซื้อสิ่งของ ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าพี่น้องประชาชนต่างรอคอยเงินดิจิทัลเพื่อเข้ามาเติมเต็มชีวิตที่ยากลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมา
สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าววว่า ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่มาก พื้นที่ในเมืองหรือชนชั้นกลางอาจมองไม่เห็น แต่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกข์ยากลำบากเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนหมดความหวัง แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ประชาชนมีความหวังกับหลากหลายนโยบายของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่า เมื่อเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เศรษฐกิจต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยหลายนโยบายที่เป็นความหวัง
สุดารัตน์ กล่าวอีกว่า การได้เงินหมื่น ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้ การหาเงินให้ถึง 10,000 บาท ในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเงินดิจิทัล 10,000 บาท จึงเป็นความหวังของประชาชน ครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก 3-4 คน พวกเขาวางแผนรวบรวมกัน เพื่อที่จะนำเงินนี้ไปต่อยอดอาชีพ
“ตอนนี้พอมีกระแสคัดค้าน เวลาไปงานบุญที่ไหน ชาวบ้านก็จะถามแล้วว่า จะได้เงินไหม ชาวบ้านเขาติดตามข่าวสาร ถ้าไม่ได้เงินนี้ไปต่อยอดความหวัง พวกเขาก็ทุกข์แล้ว ทุกข์ต่อ ทุกข์อีก อยากรู้เหมือนกันว่าเสียงของชาวบ้าน กับเท่าเสียงของวิชาการ เสียงของใครดังกว่า อยากให้พวกเขามาลองพูดคุยกับชาวบ้านบ้าง” สุดารัตน์ กล่าว
วันนิวัติ สมบูรณ์ สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกวันที่ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของพี่น้องประชาชน ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากได้เงินดิจิทัล อยากให้พรรคเพื่อไทยทำนโยบายนี้ให้เป็นจริง ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่รวม 286 หมู่บ้าน พวกเขาล้วนคาดหวังกับนโยบายนี้ ครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก 4-5 คน บางครอบครัวมีสมาชิก 15 คน คาดหวังว่าจะนำเงินนี้ไปต่อยอด ทำธุรกิจ ซื้อปุ๋ย ซื้อสังกะสี และอุปกรณ์ต่างๆ เตรียมการซ่อมแซมยุ้งข้าว เพื่อใช้ในการเก็บข้าวเหนียวในฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ในความคิดเห็นของนักวิชาการบางส่วน เป็นความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะได้นำไปพิจารณาต่อ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
“คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน แต่รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้สิทธิของประชาชนทุกคน ใกล้เคียงกัน ลดความเหลื่อมล้ำให้มากที่สุด เมื่อ 20 ปีก่อนคนไทยเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล พรรคไทยรักไทย มีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งถูกโจมตีมากที่สุดว่าเป็นไปไม่ได้ ใช้งบประมาณสูง และอีกมากมายที่ทับถม แต่รัฐบาลในขณะนั้นยืนยันที่จะทำ จนทำให้พี่น้องคนไทยทุกคนได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทย เงินดิจิทัล 10,000 บาทจะช่วยให้พี่น้องลืมตาอ้าปากได้” วันนิวัติ กล่าว