วันที่ 13 ก.ค. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) วาระโหวตเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ประพันธุ์ คูณมี ส.ว. ตัวแทนจากฝั่งวุฒิสภา ลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็นก่อนลงมติ โดยเน้นย้ำว่า ไม่ว่า ส.ส. หรือ ส.ว. ก็ล้วนเป็นตัวแทนประชาชนที่ได้รับเลือกมา แต่วิธีการอาจต่างกัน จึงหวังว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ประพันธุ์ แสดงความเห็นว่า การเสนอชื่อ พิธา เป็นการเสนอบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้าม ขัดต่อรัฐธรรมนูญโดยชัดแจ้ง เพราะมาตรา 160 และมาตรา 98 กำหนดลักษณะไว้ว่า คุณสมบัติต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้นสื่อ ดังนั้น การเสนอชื่อ พิธา จึงมีปัญหาขัดต่อข้อบังคับ

ขณะที่ปัญหาคุณสมบัติของ พิธา นั้น เมื่อวานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้มีมติยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของ พิธา สิ้นสุดลงหรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญได้ลงรับในทางธุรการแล้ว เป็นการแสดงให้เห็นโดยปราศจากข้อสงสัยว่า พิธา มีลักษณะต้องห้าม เป็นความเห็นโดยยุติของ กกต.  

“ปัญหานี้ไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่วิญญูชนหรือบุคคลทั่วไปก็สามารถวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องถามศาล ตัวท่านก็มีวิจารณญาณวินิจฉัยได้เอง” ประพันธุ์ กล่าว

ประพันธุ์ จึงสรุปว่า ที่ประชุมของรัฐสภาจึงไม่อาจรับชื่อบุคคลดังกล่าวเข้ามาลงมติให้ความเห็นชอบต่อไปได้ เนื่องจากจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาโดยชัดแจ้ง สมาชิกรัฐสภาย่อมรู้อยู่แล้วว่า บุคคลดังกล่าวมีคุณสมบัติมิชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังจงใจกระทำผิด จะเป็นปัญหาความผิดร้ายแรงต่อการปฎิบัติหน้าที่ 

“ยิ่งกว่านั้น เมื่อสภามีมติให้ความเห็นชอบแล้ว จะนำชื่อบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม ไปกราบทูลฯ ท่านลองพิจารณาดูว่าการกระทำดังกล่าวล้วนเป็นที่ระคายเคืองพระยุคคลบาท เป็นสิ่งที่สภาแห่งนี้ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง” ประพันธุ์ กล่าว