ไม่พบผลการค้นหา
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมข้อที่ 9 กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างกว้างขวาง เมื่อสภาเสียงปริ่มน้ำทำท่าจะแผลงฤทธิ์ โดยผลโหวตออกมาเห็นชอบตามที่ กมธ.พิจารณาร่างข้อบังคับฯ แก้ไขเพิ่มถ้อยคำให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำหน้าที่ด้วย 'ความเป็นกลาง' อย่างฉิวเฉียด เสียงฝ่ายค้านชนะที่ 205 ต่อ 204 งดออกเสียง 2 เสียง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ทั้งในฐานะวิปฝ่ายค้านและ คณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างข้อบังคับฯ ระบุว่า อาจมองว่าเป็นสัญญาณบวกกับฝ่ายค้านก็ได้ ซึ่งในการพิจารณาข้อบังคับข้อ 9 ในชั้น กมธ. จำนวน 38 คน จากฝ่ายรัฐบาล 20 คน และฝ่ายค้าน 18 คน กมธ. เสียงข้างมากทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นพ้องกันว่า จะต้องเพิ่มถ้อยคำในส่วนของประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้มีความเป็นกลาง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ทุกพรรคจึงสื่อสารไปยัง ส.ส. ในสังกัดให้เห็นชอบตามที่ กมธ. มีการแก้ไข

แต่เมื่อถึงการอภิปรายจริงก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น คือ มีการอภิปรายข้อ 9 เรื่องความเป็นกลางของประธานสภาฯ นานกว่า 2 ชั่วโมง มีการตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของประธานในที่ประชุม หน้างานจึงเปลี่ยน ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงพยายามไปล็อบบี้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลให้ลงมติเห็นด้วยกับร่างเดิมของ กมธ. ที่ไม่มีคำว่า ประธานต้องมีความเป็นกลาง จึงส่งผลให้คะแนนแตก ผลที่ออกมาแพ้ชนะกันหวุดหวิดแค่เพียง1เสียงเท่านั้น

จึงอาจมองว่าเป็นสัญญาณบวกของฝ่ายค้านได้ระดับหนึ่ง ซึ่งผลจากการลงมติดังกล่าวสะท้อนถึงภาพรวมของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้ว่า 1.เสียง ส.ส.รัฐบาลขาดเอกภาพ ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และ 2.องค์ประชุมคือปัญหาของรัฐบาล 251 เสียงของรัฐบาล ไม่นับประธานและรองประธาน มากันไม่ครบ หลายรายมีภารกิจจากการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งฝ่ายค้านช่วยเรื่ององค์ประชุมไว้

"หากฝ่ายค้านเล่นเกมการเมืองทำให้องค์ประชุมไม่ครบสภาล่ม ฝ่ายรัฐบาจะยิ่งแย่กว่านี้ แต่พวกเราไม่ทำ เพราะตระหนักว่านี่คือข้อบังคับการประชุมสำหรับการทำงานของส.ส.ทุกคน" นพ.ชลน่าน ระบุ

วิปรัฐบาลขั้ว ปชป. กังวลเสียงปริ่มน้ำ

สอดรับกับความเห็นของวิปฝ่ายรัฐบาลอย่าง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส. จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยอมรับว่า เป็นสิ่งที่น่ากังวล วิปรัฐบาลต้องประสานงานให้ดีกว่านี้ไม่เพียงแค่กำหนดการลงมติอย่างกว้างแค่รับหลักการเท่านั้น แต่ต้องลงลึกในรายละเอียดแต่ละประเด็นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง