นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงถึงการประชุมวิปรัฐบาล ในกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกผลการลงมติ 204 ต่อ 205 ในร่างข้อบังคับการประชุมส.ส. ข้อ 9 เป็นชัยชนะของฝ่ายค้าน ว่า อยากทำความเข้าใจผลการลงมติดังกล่าว ว่า ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของกมธ.เสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อย ซึ่งผลคะแนน 205 เสียง เกิดจากกมธ.เสียงข้างมากไปลงมติ ซึ่งเป็นเสียงฝั่งรัฐบาลด้วย ไม่ใช่ฝ่ายค้านอย่างเดียว นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาด้านอื่นๆอย่างความไม่เข้าใจในคำถามของส.ส.ก่อนลงมติ และส.ส.บางท่านก็สงวนคำแปรญัตติไปในคนละทิศทางกับพรรค
ทั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ซึ่งได้สะท้อนปัญหา ให้มีการปรับปรุงแนวทางการทำงานของวิปรัฐบาลในครั้งต่อไปว่า วิปรัฐบาละต้องลงรายละเอียดกฎหมายแต่ละข้อก่อนเข้าประชุมสภา และต่อไปนี้ก็ให้ส.ส.รัฐบาลทำตามมติวิปรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ส่วนนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โฆษกวิปรัฐบาล กล่าวว่า จากการตรวจสอบผลการลงมติ 204 ต่อ 205 ยังไม่ได้สะท้อนเสียงที่แท้จริงของการประชุม ส.ส.หลายคนโหวตโดยการขานชื่อ แต่คะแนนไม่ได้ถูกนำมาคิดรวม ทั้งยังต้องยอมรับว่าระบบการลงคะแนนยังใหม่ ไม่อาจเชื่อถือได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้จากการประชุม ส.ว.ก่อนหน้านี้ และในการประชุมส.ส.ที่หลายท่านลงคะแนนแล้ว แต่ไม่ปรากฎรายชื่อ นอกจากนี้ส.ส.หลายรายก็ไม่ได้ยินเสียงออดลงมติ เพื่อเป็นการลดร่วมกันลดความผิดพลาด จึงได้หารือเลขาธิการสภาแผู้แทนราษฎร และนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ให้รับทราบและหามาตรการป้องกัน ด้วยการยืดเวลาการลงมติ และตรวจสอบการลงมติ
เมื่อถามถึงข้อเรียกร้องจาก 9 พรรคเล็กเพื่อให้ทุกพรรคเข้าไปอยู่ในวิปรัฐบาลด้วยนั้น นายอรรถกร กล่าวว่า ต้องรอการพิจารณาอีกครั้ง เบื้องต้น นายดิสทัตย์ โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ กำหนดสัดส่วนวิปรัฐบาลไว้ที่ 5 ส.ส.ต่อ 1 คน วิปรัฐบาลก็จะมีทั้งหมดราว 52-53 คน แต่ตอนนี้มี 61 คน ถือว่าบวมไปเยอะแล้ว แม้จะครอบคลุมพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด แต่ก็ทำให้การทำงานยากขึ้นระดับหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง