เวลา 16.30 น. วันที่ 25 เม.ย. 2566 ที่อาคารยิมเนเซียม (สะพานหิน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยเพื่อหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต 3 คน ประกอบด้วย วัชรพงษ์ อนันตกูล เขต 1 เบอร์7 , อาวุธ หนูเขต เขต 2 เบอร์ 1 และ สรธรรม จินดา เขต 3 เบอร์ 6 ท่ามกลางประชาชนรอฟังการปราศรัยกว่า 5,000 คน
โดย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า ครั้งแรกลงพื้นที่ภาคใต้ รู้สึกปลื้มปิติมากที่พี่น้องประชาชนให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่นเต็มพื้นที่โรงยิมแห่งนี้ ส่วนตัวแล้วผูกพันกับจ.ภูเก็ต ตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และซึมซับถึงวัฒนธรรมชาวภูเก็ต เมื่อมีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยมาเต็มทีม โดยภาคใต้เป็นยุทธศาสตร์ แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่เคยปักธงภาคใต้ได้ โดยวันนี้พวกเรามาพูดคุยกับคน จ.ภูเก็ต เรามุ่งมั่นจะเดินทางมาขยายนโยบายดีๆ เป็นประโยชน์ต่อชาว จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต ส่งภาษีให้ประเทศหลายแสนล้านบาทควรภูมิใจที่ประเทศไทยมาได้ไกลทำให้ประชาชนทุกจังหวัดมีชีวิตที่ดีพอ อีกทั้งสนามบินควรรองรับนักท่องเที่ยวได้หลายล้านคน แต่การจราจรยังติดขัดใช้เวลานานพอสมควร ทั้งนี้การสร้างรถไฟฟ้า ถาพรรคเพื่อไทยได้บริหรจัดการประเทศ การท่องเที่ยวเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่สุด ตนไปหลายประเทศไม่มีที่ไหนสู้ภ จ.ภูเก็ตได้ ตนอยากให้เป็นเมืองระดับโลก เช่นหลายเมืองเจริญแล้วในยุโรป
เศรษฐา ระบุว่า ค่าแรงขั้นต่ำใน4 ปีพรรคเพื่อไทยจะทำให้ได้600 บาท ลูกหลานจบปริญญาตรีเงินเดือน 25,000 บาท ครอบครัวไหนรายได้ไม่ถึง20,000 บาทจะเติมให้เต็ม 20,000บาท ใครอายุ16 ปีขึ้นไปเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะนำเงินใส่คนละ 10,000 บาท ถ้ามี 10 คนรับไป 100,000 บาท ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาภูเก็ต ตนต้องการทำให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองพระอาทิตย์ไม่ตกดิน เราจะเปิดสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้24 ชั่วโมง ถ้าท่านอยากเปิดก็เปิด ปิดก็ปิด เป็นสิทธิเสรีภาพ พรรคเพื่อไทยเราจะจัดสรรงบประมาณให้ตำรวจมีจำนวนมาก 1 เท่าตัว
เศรษฐา ระบุว่า คนติดยาเสพติดเยอะมาก ไปที่ภาคอีสาน ภาคเหนือเรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผู้เสพต้องเปลี่ยนเป็รผู้ป่วย ผู้ค้ายาต้องถูกจัดการโดยเด็ดขาด เงินที่ทำร้ายลูกหลานต้องยึดทรัพย์เป็นสมบัติแผ่นดิน ผมมาขอร้องวิงวอนขอโอกาสให้ว่าที่ ส.ส. ตนเข้าใจควรู้สึกที่ี่น้องผูัผูกพันในการช่วยเหลือดูแลพี่น้อง จ.ภูเก็ตมานาน วันนี้พรรคเพื่อไทนมาขอแบ่งปันสักเล็กร้อยให้ผู้สมัคร ส.ส. 3 คนที่มุ่งมั่นทำให้ จ.ภูเก็ต สามารถไปได้ คงไม่โม้โอ้อวด ไม่แน่ใจจะมี ส.ส.ภูเก็ตหรือไม่ แต่วันนี้เป็นความตั้งใจขอความรักขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทยรับใช้พี่น้อง โดยผลเลือกตั้งแม้ไม่ได้ ส.ส. ได้ แต่ก็จะขอความรักแบ่งปัน มาขอโอกาสถ้าพี่น้องเห็นว่าพรรคเพื่อไทยจะนำ จ.ภูเก็ต และขอโอกาสพรรคเพื่อไทยนำความเจริญกลับมาให้พี่น้อง จ.ภูเก็ต
จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แหลงใต้ทักทายชาวภูเก็ตฝากพี่น้องชาวใต้ไว้วางใจเลือกเพื่อไทยเป็นตัวแทนชาวใต้แก้ไขวิกฤติปากท้อง พัฒนาศักยภาพภูเก็ตใ่ห้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ
แพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทราบดีว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาใหญ่สำหรับการท่องเที่ยว รายได้ของพี่น้องประชาชนหดหาย และยังคงไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มรูปแบบ พรรคเพื่อไทยจึงเตรียมพร้อมพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้มากกว่า 4 เท่าภายใน 4 ปี คืนความมั่งคั่งให้ชาวภูเก็ต ส่วนเรื่องสนามบินควรเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้คนต่างชาติเข้ามาได้มากขึ้น เราต้องการให้พีีน้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เรามีมาตรการให้การท่องเที่ยวมีรายได้เพิ่มขึ้น
แพทองธาร ระบุว่า พี่น้องพร้อมจะเป็นเศรษฐีอีกรอบหนึ่งหรือไม่ ตนขอฝากผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต ให้ครบสมบูรณ์แบบให้หารายได้ให้พี่น้องภูเก็ตมากขึ้น พรรคเพื่อไทยต้องการแรงสนับสนุนพี่น้อง อย่าแบ่งใจแต่ต้องเลือกพรรคเพือไทย ทั่งคนและพรรค วันที่ 14 พ.ค.นี้เข้าคูหากาเบอร์ 29 และผู้สมัคร ส.ส.อย่ากาผิดใบ ฝากเพื่อไทยในอ้อมใจ”
ด้าน วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มั่นใจว่าภูเก็ตจะเปลี่ยนแปลงถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ต้องเสียภาษีอันดับต้นๆของประเทศไทย แต่รัฐบาลที่บริหารมา 8 ปี กลับทำให้เกษตรกร ชาวประมงและผู้ประกอบการการท่องเที่ยวต่างได้รับความเดือดร้อน ทำให้ความยากจนเกิดขึ้นทั้งภูเก็ต และตอกย้ำความเดือดร้อนด้วยค่าครองชีพที่แสนแพง
ทั้งนี้จากการที่ตนได้พบปะพี่น้องผู้ประกอบการการท่องเที่ยวพบว่า ไม่มีมาตรการสำหรับการดูแลปัญหาต่างๆของผู้ประกอบการ รายได้พี่น้องเกษตรกรยางพาราลดลงจากสมัยก่อน อยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท ปัจจุบัน 4 กิโลกรัม อยู่ที่ 100 บาทเท่านั้น ถนนคับแคบทำให้จราจรติดขัด ทั้งหมดนี้คือปัญหาของรัฐบาลที่ไม่เคยคิดจะแก้
วิสุทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมคิดใหญ่ทำเป็น และจัดใหญ่จัดเต็มให้พี่น้องชาวภูเก็ต การเลือกพรรคเพื่อไทยนั้น ต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรค แล้วเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลเพื่อแก้ไขความยากจนของพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต และขอชวนเชิญให้ชาวภูเก็ต ในวันที่ 14 พฤษภาคม ไปลาออกจากความยกจนโดยการเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
จาตุรนต์ ฉายแสง ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียงมีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับประมง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละหลายหมื่นล้านบาทต่อปี จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องส่งเสริมพัฒนาเพื่อให้พี่น้องชาวภูเก็ตซึ่งเป็นผู้เสียภาษีให้รัฐบาลได้อยู่ดีกินดี แต่ในช่วง 8 ปีภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลับปล่อยปละละเลยพี่น้องให้ผจญสถานการณ์โควิดโดยลำพัง ปล่อยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดทั้งโฮสเทลโรงแรมขนาดเล็กต้องจมอยู่กับปัญหาเรื่องกฎหมายจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน
พรรคเพื่อไทยมองว่าไม่ใช่เรื่องยาก เราเชื่อว่าทั้งปัญหาประมงและท่องเที่ยวจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการกระจายอำนาจให้จังหวัดจัดการตนเอง ให้ภูเก็ตสามารถเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นของตัวเอง เมื่อภูเก็ตมีความพร้อมเลือกตั้งได้ผู้ว่าราชการจังหวัด จะสามารถประสานส่วนกลางคือรัฐบาล ช่วยจัดการแก้ไขปัญหาสาธารณูปโภคของภูเก็ตให้เป็นระบบ ยกร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ สามารถลงทุนระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการเดินทางได้สะดวกมากขึ้น และทั้งหมดจะเป็นการส่งเสริมให้เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตเติบโตขึ้นมาได้เหมือนแต่ก่อนอีกครั้ง
“เราจะเป็นรัฐบาลที่ร่วมมือกับชาวใต้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและประชาธิปไตย อยากให้พี่น้องลองเลือกเพื่อไทยบริหาร 14 พฤษภา เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค และภาคใต้จะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด” จาตุรนต์ กล่าว
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยกับพี่น้องภูเก็ต เป็นภาษาใต้ว่า วันนี้มาสารภาพกับพี่น้องตรงๆ ว่าเบื่อหน่ายกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างมาก เพราะเราเห็นพลเอกประยุทธ์มาตั้งแต่วันที่ 22พ.ค. 2557 ซึ่งเดือนหน้าจะครบ 9 ปีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ถืออำนาจมาตรา 44 มีแต้มต่อเหนือพรรคการเมืองนักการเมืองทุกคนในประวัติศาสตร์ คุมกองทัพหน่วยงานต่างๆ เบ็ดเสร็จในมือ
แบบไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนเคยมีมาก่อน โดยมีข้ออ้างว่าจะเข้ามาปัดกวาดปฏิรูปการเมืองไทยให้สะอาด ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่ที่ผ่านมา เราเห็นแต่การทุจริตเกลื่อนเมืองไปหมด และเมื่อพลเอกประยุทธ์ มาลงเลือกตั้งเอง ประกาศนโยบายเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แจกนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทต่อวัน ผ่านไป 4 ปี ก็ลบนโยบายตัวเองทิ้ง พอจะเลือกตั้งใหม่ก็ประกาศย้ายพรรคหนี ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ
พรรคเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้งครั้งนี้แบกน้ำหนักไว้เพราะเขามีเสียง ส.ว.รอแล้ว 250 คน ขณะที่เราเริ่มต้นที่ 0 เสียง ตอนนี้เพื่อไทยมั่นใจว่าได้คะแนนเสียงถึง 250 แต่เราจะตั้งนายกฯ ได้หรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีเสียงให้ถึง 375 เสียงขึ้นไป
“เพื่อไทยมาขอร้องพี่น้อง เลือกเพื่อไทยเพื่อให้บ้านเมืองหลุดจากพลเอกประยุทธ์เสียที เราไม่ได้มามือเปล่า แต่เรามาพร้อมกับนโยบายใหม่ๆ มากมาย เราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เดินหน้าด้วยนโยบาย ที่แก้ปัญหาให้พี่น้องได้จริง นโยบายดีๆ พรรคไหนก็แหล่งได้ แต่ที่ทำได้คือพรรคเพื่อไทย” ณัฐวุฒิ กล่าว