ไม่พบผลการค้นหา
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้น้ำแข็งทะเลในทวีปแอนตาร์กติกพังทลาย ส่งผลให้ลูกเพนกวินที่ยังไม่โตพอจมน้ำหรือหนาวตายในทะเลนับหมื่นตัว

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ดร.ปีเตอร์ เฟรตเวลล์ และทีมนักวิทยาศาสตร์ จากสำนักงานสำรวจแอนตาร์กติกของอังกฤษ (BAS) เปิดเผยถึงรายงานการตายของประชากรเพนกวินจักรพรรดิในวารสาร Communications Earth & Environment

โดยพวกเขาใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเซนทิเนล-2 ของสหภาพยุโรป ติดตามสังเกตการณ์อาณาจักรเพนกวินจักรพรรดิ 5 แห่งในพื้นที่ทะเลเบลลิงส์เฮาเซน ทางตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติก ประกอบด้วย เกาะรอธส์ไชล์ด เกาะแวร์ดี เกาะสไมลีย์ คาบสมุทรไบรอัน และแหลมฟรอกเนอร์

ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว ช่วงฤดูหนาวของซีกโลกใต้ เพนกวินวัยผู้ใหญ่จะขึ้นไปอาศัยอยู่บนน้ำแข็งทะเลในช่วงเดือนมีนาคม พวกมันจะเกี้ยวพาราสี ผสมพันธุ์ วางไข่ และเลี้ยงดูลูกเพนกวินตลอดหลายเดือนหลังจากนั้น จนกระทั่งลูกของมันโตพอที่จะใช้ชีวิตในมหาสมุทรด้วยตัวเอง ซึ่งมักจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม

แต่เมื่อปีก่อน น้ำแข็งทะเลเริ่มแตกตัวในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ลูกเพนกวินจะงอกขนกันน้ำสำหรับว่ายน้ำ สิ่งนี้จึงส่งผลให้เพนกวินจักรพรรดิที่อาศัยอยู่ใน 4 จาก 5 อาณาจักรล้มเหลวในการผสมพันธุ์อย่างสิ้นเชิง เว้นเพียงบนเกาะรอธส์ไชล์ดซึ่งอยู่ตอนเหนือสุด ที่พบว่าประสบความสำเร็จในการผสมพันธุ์อยู่บ้าง

“เพนกวินจักรพรรดิพึ่งพาน้ำแข็งทะเลในวัฏจักรการสืบพันธุ์ เพราะเป็นพื้นที่มั่นคงในการเลี้ยงดูลูกของพวกมัน ถ้าแผ่นน้ำแข็งดังกล่าวไม่กว้างขวางอย่างที่ควรจะเป็น หรือแตกตัวเร็วกว่าปกติ นกเหล่านี้จะลำบาก” ดร.เฟรตเวลล์ ระบุ

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทำให้แผ่นน้ำแข็งแตกตัว และพบว่า เมื่อปีที่แล้ว ลูกเพนกวินจักรพรรดิในทวีปแอนตาร์กติกตายจำนวนมาก คาดว่าตัวเลขสูงมากถึง 10,000 ตัว ส่วนใหญ่จมน้ำตายหรือแข็งตายก่อนจะโตเต็มวัย

ภายในรายงานยังระบุด้วยว่า น้ำแข็งทะเลในแอนตาร์กติกช่วงฤดูร้อนลดต่ำลงอย่างมากตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา และพื้นที่ของน้ำแข็งทะเลโดยรวมทั่วทวีปยังลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระหว่างปี 2564-2566 ทะเลเบลลิงส์เฮาเซ่นเองก็แทบไม่มีน้ำแข็งปกคลุมเลย

ในอนาคต เพนกวินเหล่านี้อาจสูญพันธ์ และมีการคาดการณ์ว่า อาณาจักรเพนกวินจักรพรรดิกว่า 90 % อาจล่มสลายภายในสิ้นศตวรรษนี้ อันเป็นผลมาจากการเผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อน.

ที่มา : BBC