ไม่พบผลการค้นหา
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลหลังการอภิปรายเสร็จสิ้น ขณะคาดการเมืองไทยจะเหมือนเดิม มองการซักฟอกของฝ่ายค้าน คือจุดเด่นของการอภิปรายครั้งนี้

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเฉพาะผู้ที่สนใจติดตามการอภิปราย จำนวนทั้งสิ้น 1,712 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 17- 20 ก.พ. 2564 เพื่อสะท้อนความคิดเห็นกรณีการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ และภาพที่เห็นจากการถ่ายทอดสดบรรยากาศของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 10 คน เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจและติดตาม ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆด้าน สรุปผลได้ ดังนี้

1. ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากช่องทางใด

  • อันดับ 1 ติดตามจากโซเชียลมีเดีย 43.81%
  • อันดับ 2 ติดตามการถ่ายทอดสด 29.20%
  • อันดับ 3 ติดตามข่าวจากสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ 26.99%

2. “จุดเด่น-จุดด้อย” ของ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คือ

          จุดเด่น

  • ภาพรวมการซักฟอกของฝ่ายค้าน 52.64%
  • เนื้อหาที่นำมาอภิปรายเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ 51.50%
  • การเตรียมข้อมูล เอกสารต่างๆ ครบถ้วน 41.30%
  • เปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้แสดงความคิดเห็น 38.60%
  • ประธานสภาทำหน้าที่ได้ดี 33.19%

          จุดด้อย

  • ประท้วงบ่อย ทำให้เสียเวลา 71.26%
  • ตอบข้อซักถามไม่ชัดเจน ไม่ตรงประเด็น 51.20%
  • พูดนอกเรื่อง พาดพิงบุคคลอื่น 50.62%
  • ใช้คำพูดไม่สุภาพ ไม่สำรวม ไม่ควบคุมอารมณ์ 46.98%
  • พูดจาโจมตีกันไปมา 42.40%

3. หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นลง ประชาชนคิดว่าการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร?

  • อันดับ 1 เหมือนเดิม 55.40%
  • อันดับ 2 น่าจะแย่ลง 30.28%
  • อันดับ 3 น่าจะดีขึ้น 14.32%

4. ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ 'รัฐบาล' หลังจากผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วเป็นอย่างไร ?

  • อันดับ 1 ไม่เชื่อมั่น 43.25%
  • อันดับ 2 เชื่อมั่นน้อยลง 23.28%
  • อันดับ 3 เชื่อมั่นเหมือนเดิม 20.57%
  • อันดับ 4 เชื่อมั่นมากขึ้น 12.90%

5. ภาพรวมการให้คะแนนของประชาชนต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล (คะแนนเต็ม 10)

  • ฝ่ายค้าน  6.90  คะแนน
  • ฝ่ายรัฐบาล  5.01  คะแนน

พรพรรณ บัวทอง นักวิจัยสวนดุสิตโพล ระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ 2 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่าฝ่ายรัฐบาล เพราะเห็นว่าภาพรวมทำงานได้ดี มีเนื้อหาน่าสนใจ เตรียมข้อมูลเชิงลึกมาอภิปรายให้เห็นภาพ โดยมองว่าหลังจบอภิปรายครั้งนี้สถานการณ์การเมืองไทยก็น่าจะยังเหมือนเดิม และที่สำคัญประชาชนนั้นรู้สึก "ไม่เชื่อมั่น" ต่อรัฐบาล ถึงแม้ในสภา 10 รัฐมนตรีจะได้รับการไว้วางใจก็ตาม

ด้าน ผศ.ดังนภสร ณ ป้อมเพชร หลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ มาตรการหรือเครื่องมืออย่างหนึ่งในการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ การตัดสินใจ รวมไปถึงความโปร่งใสของรัฐบาล ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของฝ่ายนิติบัญญัติในการคานอำนาจ ของรัฐบาล และยังเป็นการขับเคลื่อนกลไกทางการเมืองให้เป็นไปตามแนวทางในระบอบประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ความสำคัญของการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีมากกว่าการมองเพียง 'ผลโหวต' เนื่องจากผลนั้นอาจเกิดจากวิถีทางการเมือง เช่น การที่รัฐบาลมีฐานเสียงมากกว่า ฝ่ายค้านมีหลักฐานไม่เพียงพอ หรือด้วยเหตุอื่นใดก็ตาม หากแต่ 'การอภิปรายไม่ไว้วางใจ' มีความสำคัญในการที่จะสามารถเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมการเมืองที่ดี นั่นคือ การทำหน้าที่ในการใช้อำนาจของประชาชนในการอภิปรายและชี้แจงด้วยวุฒิภาวะของผู้นำทางการเมือง การนำประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง มาอภิปราย การใช้หลักฐานข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ การเชื่อมต่อการตรวจสอบกับภาคประชาชน เหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดกลไกในการสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้แก่สังคมไทยอย่างแท้จริง