จากกรณีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 7 แห่งยื่นความประสงค์ขอคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วันนี้ นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวอยซ์ทีวี จำกัด วิเคราะห์ว่า จำนวนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 15 ช่องที่หลงเหลืออยู่ยังเป็นจำนวนที่มากเกินไป หากประเมินจากเม็ดเงินในอุตสาหกรรม
โดยนายเมฆินทร์ระบุว่าการประกอบกิจการทีวีดิจิทัลในต่างประเทศนั้น หน่วยงานผู้ควบคุมนั้นมีบทบาทสำคัญมากในการกำหนดจำนวนผู้เล่นในอุตสาหกรรมว่าควรมีจำนวนเท่าใด โดยหลักการควรกำหนดให้มีปริมาณอย่างเหมาะสม คือ ควรจะมีผู้ประกอบการที่สามารถทำกำไรได้ราว 70 เปอร์เซนต์ อีก 30 เปอร์เซนต์อาจจะขาดทุน เนื่องจากประสิทธิภาพของตัวเอง แต่อย่างน้อยๆ กลุ่มที่สามารถทำกำไรได้จะมีพัฒนาการในการสร้างผลลัพธ์และเม็ดเงินที่ไม่ใช่แค่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการส่งออกเนื้อหาไปยังต่างประเทศ เหมือนอย่างที่เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ นอกจากจะมีเงินหมุนเวียนในประเทศแล้ว ยังมีเงินจากต่างประเทศนำเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ได้อีกด้วย
นายเมฆินทร์ กล่าวต่อว่า ความสำเร็จของทีวีดิจิทัลขึ้นอยู่กับความสามารถในการผสมผสานกับเครือข่ายแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อย่างกลมกลม ต่อเนื่องและเต็มรูปแบบ ซึ่งนับเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องหาโมเดลธุรกิจให้เจอ
สำหรับวอยซ์มีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นการสร้างสำนักข่าวที่มีคุณภาพ และนำเสนออย่างผสมผสานทุกช่องทาง รวมถึงการนำเสนอผ่านรูปแบบ Playlist ทางยูทูบคู่ขนานไปด้วยกับทีวีซึ่งเขามองว่าทิศทางในอนาคตคือผู้ชมนิยมเสพรายการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ทั้งนี้เขาย้ำว่า จำนวน 15 ช่องที่เหลือ ยังนับว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไป หากดูจากตัวเลขจีดีพีและจำนวนผู้ผลิตเนื้อหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :