เว็บไซต์แนวหน้า รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ที่กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2563 เพื่อหารือมาตรการการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบอันเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
แนวหน้ารายงานว่า ภายหลังการประชุม นายอนุทินได้กล่าวเตือนนักเรียนนักศึกษาหลายสถาบัน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งจัดการชุมนุมแสดงจุดยืนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังมีการชุมนุมต่อเนื่องอีกหลายครั้ง โดยเรียกร้องให้ผู้ชุมนุม 'คำนึงถึงภาพรวมของสังคม' ควรเข้าใจว่า ขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เพราะมีการแพร่ระบาดของโรค การรวมตัวกันของคนหมู่มาก อาจทำให้เกิดการระบาดมากขึ้น
นายอนุทินกล่าวว่า "เราไม่ปิดกั้นความต้องการ แต่ขอให้คำนึงถึงภาพรวมของสังคม เพราะโควิด-19 เป็นโรคที่รักษาได้ แต่ติดง่าย การไปอยู่รวมกัน โอกาสติดโรคมันสูงกว่าอยู่แล้ว หากติดเชื้อ 1 คน ทางกระทรวงสาธารณสุข ต้องตามไปคุมโรคกับคนใกล้ชิดอย่างน้อยที่สุดคือ 30 คน แล้วถ้าเกิดรับเชื้อพร้อมกันทีละมากๆ ย่อมจะเป็นงานหนักในการคุมโรคแน่นอน ขอให้คิดกันให้หนักๆ ก่อนจะร่วมกิจกรรมใดๆ และให้ลองคิดดูว่ามันจะมีวิธีแสดงออกด้วยวิธีอื่นหรือไม่"
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'อนุทิน ชาญวีรกูล' ช่วงบ่ายวันเดียวกัน โดยระบุว่า วันจันทร์นี้ (2 มี.ค.2563) กระทรวงสาธารณสุขจะแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชน วันละ 100,000 ชิ้น โดยประชาชนจะสามารถรับฟรีได้คนละ 3 ชิ้น ที่กระทรวงสาธารณสุข
โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทย โดยชาวเน็ตหลายรายเข้าแสดงความเห็นท้ายโพสต์ของนายอนุทิน โดยสนับสนุนการแจกหน้ากากอนามัยฟรี แต่อีกหลายรายตั้งข้อสงสัยว่า การแจกหน้ากากอนามัยฟรี อาจทำให้มีประชาชนเดินทางไปรอรับของเป็นจำนวนมากพร้อมๆ กัน และอาจทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเช่นกัน พร้อมทั้งแนะนำ รมว.สธ. เปลี่ยนวิธีการแจกจ่ายหน้ากาก เช่น เสนอให้ส่งทางไปรษณีย์หรือส่งไปยังผู้นำชุมชนทั่วประเทศให้นำไปกระจายต่อแทน
นอกจากนี้ยังมีผู้ระบุด้วยว่า บางคนต้องเดินทางไกลเพื่อไปรับหน้ากากอนามัยฟรี 3 ชิ้น ไม่คุ้มค่ารถและเวลา และเสนอให้นายอนุทินนำหน้ากากอนามัยไปมอบแก่เจ้าหน้าที่และบุคลากรด้านการแพทย์ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากเชื้อโรคโควิด-19 ด้วย
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางรายเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานรัฐสนับสนุนการนำหน้ากากอนามัยมาขายในราคาถูก เช่น ขายในราคา 1 บาท และกระจายสินค้าให้ทั่วทุกพื้นที่ ช่วยให้เพียงพอต่อความต้องการได้มากกว่า และประชาชนจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกกักตุนสินค้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: