ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมสถาบันบำราศนราดูรเพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ที่ดูแลและควบคุมไวรัส โควิด -19 พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ที่ห้องแยกผู้ป่วยความดันลบ มอบกระเช้าให้กำลังใจญาติผู้ป่วย จำนวน 7 คน ที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันแห่งนี้
ระหว่างการตรวจเยี่ยมนายกรัฐมนตรียังได้ทักทายพูดคุยกับประชาชนที่เข้ารับการตรวจรักษา และถ่ายร่วมกับนักเรียนพยาบาลจากวิทยาลัยพยาบาลบรมราชนี จ.นนทบุรี ที่มารอต้อนรับ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นผู้ถ่ายภาพให้
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ก่อนจะประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับส่วนราชการจังหวัดหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อชี้แจงมาตรการแนวทางปฏิบัติหลังตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 และสอบถามแต่ละจังหวัด เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาด และปริมาณหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ โดยเฉพาะในสถานพยาบาลว่าเพียงพอหรือไม่ซึ่งทุกจังหวัดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
โดยภายหลังการพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า วันนี้มาเยี่ยมให้กำลังใจงานผู้ปฏิบัติงานผู้ป่วยที่อยู่ตามเฝ้าติดตามโรค จากที่เห็น ความตั้งใจของทุกคน มั่นใจมากกว่าเราจะสามารถ ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ คงไม่ยาวไปถึงปีหน้า ยิ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูร้อน จึงหวังว่าการแพร่ระบาดจะลดลง
ซึ่งวันนี้ตนเองได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน ยืนยันดูแลผู้ปฏิบัติงาน ทั้งการใช้เงินบริจาคส่วนหนึ่งมาใช้เป็นค่าเสี่ยงภัยให้กับเจ้านาที่ตามหลักเกณฑ์ เหมือนกับสถานการณ์กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัยจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของบุคคลที่ต้องใช้ ผู้ที่ไม่ติดเชื้อสามารถใช้หน้ากากผ้าแทนได้ เนื่องจากคงามสามารถการผลิตมีจำนวนจำกัด ไม่เกิน 38 ล้านชิ้นต่อเดือน เพราะวัตถุบางอย่างรับมาจากประเทศจีน
ส่วนกรณีแรงงานไทยที่ไปทำงานทำผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้(ผีน้อย) ตอนนี้สามารถตามตัวมาลงทะเบียนครบหมดแล้ว เชื่อว่าไม่มีปัญหา ควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ขอร้องอย่าหลบหนีอีก ขณะเดียวกันต้องคุมเข้มคัดกรองผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ ตั้งแต่สนามบินต้นทางรับรองแพทย์ต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนออกตั๋วเดินทาง จากนั้นเมื่อเข้าสู่ประเทศไทย หากพบว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะต้องลงทะเบียน แอปพลิเคชันติดตามตัวเพื่อเฝ้าดูอาการรวมถึงผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ในขณะนี้ด้วยเช่นกัน โดยทุกคนจะต้องยินยอมให้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองใช้ในสัปดาห์หน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง