สถาบัน Walter Reed ระบุกับทางสำนักข่าว Defense One ว่า จากการทำงานมาตลอดปี พวกเขาสามารถถอดลำดับดีเอ็นเอของโควิด-19 ออกมาได้ราวต้น ค.ศ.2020 โดยพวกเขาพยายามพัฒนาวัคซีนป้องกันที่จะสามารถป้องกันทุกสายพันธุ์โควิด-19 ที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในปัจจุบัน แต่หมายรวมถึงเชื้อกลายพันธุ์อื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต
วัคซีนโควิด-19 แบบอนุภาคนาโนสไปค์เฟอร์ริติน หรือ SpFN ของสถาบัน Walter Reed ได้ทดลองสำเร็จในสัตว์แล้ว โดยมีผลการทดลองออกมาค่อนข้างดี ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐฯ กำลังทำการทดลองวัคซีนตัวเดียวกันนี้กับมนุษย์ในช่วงระยะแรก โดยะวกเขาพบว่าวัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันเชื้อโอไมครอน และเชื้อกลายพันธุ์อื่นๆ ได้ดี
แตกต่างจากวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน วัคซีนโควิด-19 SpFN ของ Walter Reed ได้ใช้โปรตีนที่มีหน้าตาคล้ายลูกฟุตบอลที่มีทั้งหมด 24 หน้า ในการผลิตวัคซีนตัวดังกล่าวออกมา โดยหน้าทั้ง 26 หน้าของตัวโปรตีนจะทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถนำหนามโปรตีนของโควิด-19 ในสายพันธุ์ต่างๆ มาติดเข้าด้วยกันได้
การทดลองในมนุษย์ของวัคซีนจากทางกองทัพสหรัฐฯ ยังคงใช้เวลาในการทดลองที่ยาวนาน สืบเนื่องมาจากการที่พวกเขาต้องใช้อาสาสมัครที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน และไม่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาก่อนเลย ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ กำลังเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อการป้องกันเชื้อเดลตาและโอไมครอน จึงทำให้พวกเขาหาอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองได้ยากลำบากมากขึ้น
โดยหลังจากการทดลองวัคซีนตัวเดียวเอาอยู่ทุกเชื้อกลายพันธุ์ในผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อแล้วนั้น ทางกองทัพสหรัฐฯ จะทำการทดสอบวัคซีนตัวดังกล่าวกับผู้ที่เคยติดเชื้อหรือเคยได้รับวัคซีนเพิ่มเติม เพื่อดูผลลัพธ์ของวัคซีน SpFN ดังกล่าว โดยการทดลองวัคซีนกับมนุษย์ ณ ตอนนี้เพิ่งเริ่มขึ้นแค่ในระยะแรก และมันยังคงเหลือระยะที่สองกับสามของการทดลองอยู่
“เราตัดสินใจที่จะเล่นเกมยาว แทนการมุ่งความสนใจไปแค่เชื้อซาร์สดั้งเดิม และแทนที่เราจะไปทำความเข้าใจการกลายพันธุ์ของมัน มันก็จะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาในอนาคตอีก สิ่งที่เรากำลังทำคือการเตรียมความพร้อมให้ทุกคนเผชิญหน้าและเตรียมพร้อมเอาไว้แต่แรก” เคย์วอน โมดจาร์ราด ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดต่อของ Walter Reed ระบุ
ที่มา: