ไม่พบผลการค้นหา
'เศรษฐา' มั่นใจ 'สุทิน' ประสานกองทัพได้ ให้เกียรติ 'ชลน่าน' ตอบเองปมลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

วันที่ 30 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม ว่าต้องให้เกียรติพรรคร่วม และให้เกียรติผู้ประสานงานที่ตั้งคณะรัฐมนตรี มีสิทธิ์คิดหน้าตาได้ แต่ต้องให้เกียรติรัฐมนตรีแต่ละคน แต่มั่นใจว่า ภารกิจของรัฐบาลชุดนี้มีมาก และมีเป้าหมายการทำงานชัดเจน 

ส่วนประเด็นคนในกองทัพไม่พอใจที่เอาพลเรือนมาคุมทหาร ถือว่าเป็นการด้อยค่า เศรษฐา กล่าวว่า “คุณสุทิน คลังแสง เป็นผู้อาวุโส เป็น สส. หลายสมัย เท่าที่รู้จักเป็นคนให้เกียรติคน จึงเชื่อว่าการประสานงานกับกองทัพจะเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนตัวผมเอง ก็จะมาช่วยดูตรงนี้ด้วย ต้องให้แน่ใจว่า ทุกๆ สถาบันได้รับการดูแล ได้รับการเอาใจใส่พูดคุยอย่างเหมาะสม และสมฐานะ "

ส่วนขั้นตอน การตรวจประวัติรัฐมนตรี แต่ละคน เป็นหน้าที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าจะต้องใช้เวลาตรวจสอบ 2 วัน จากนั้น จึงจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้า ส่วนคุณสมบัติรัฐมนตรีบางคนที่ขาด เศรษฐา ตอบว่า ยังไม่ทราบ โดยเฉพาะว่าที่รัฐมนตรี 4 คน โดยเฉพาะ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ยังไม่ได้รับข้อมูล แต่เชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม ตอนนี้เหลือขั้นตอนตรวจสอบจากเลขาฯคณะรัฐมนตรีเท่านั้น  

ส่วนการลาออกจากหัวหน้าพรรคของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เศรษฐา ตอบว่า "วันนี้ นพ.ชลน่าน จะชี้แจงเอง ซึ่ง นพ.ชลน่านเป็น สส.หลายสมัย ทำประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทยมานาน เป็นที่รักของทุกคน เชื่อว่า ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็จะอยู่กับพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วนเหลือพรรคและทำประโยชน์ให้กับประชาชนต่อไป ส่วนใครจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะคัดสรร แต่ส่วนตัวคิดว่าคนที่จะขึ้นมาบริหารในตำแหน่งนี้ต่อ ต้องเป็นคนที่อยู่กับพรรคมานาน มีความรู้ความสามารถรอบรู้การเมือง เศรษฐกิจ และด้านสังคม ส่วน นพ.ชลน่าน จะกลับมาในตำแหน่งเดิมหรือไม่ ต้องให้เกียรติสมาชิกพรรคในการเลือกหัวหน้าพรรค" ทั้งนี้เศรษฐา ได้ปฏิเสธ ตอบคำถามว่าจะนั่งตำแหน่งกรรมาธิการบริหารพรรค 

สำหรับเรื่องมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เศรษฐา ตอบว่า ยังคงให้ความสำคัญ เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ดีที่สุด เพราะในช่วงเดือนตุลาคมเป็นไฮซีซั่น ซึ่งหลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ได้พูดคุยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมถึงทูตสาธารณะรัฐประชาชนจีนที่สนับสนุนเห็นชอบนโยบายยกเลิกขอวีซ่า ซึ่งตนหวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากทุกภาคส่วน