ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ขอเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสสร้างรายได้จากพืชสมุนไพร ย้ำรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 มาตลอด รักษาผู้ป่วยได้ดีมากๆ ของโลก ปลุกทุกคนต้องช่วยกันทำประเทศให้สงบไร้ขัดแย้ง ยึดปรัชญาพอเพียง เตือนทำลายสิ่งดีงามจจะไม่มีอะไรดีขึ้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. 2564 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 18 โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมภาคีเครือข่าย จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “กัญชานำไทย สมุนไพรสร้างชาติ” ระหว่างวันที่ 22 - 26 ธ.ค. 2564 เพื่อยกระดับนวัตกรรมอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ และสร้างความเข้มแข็ง ให้เครือข่ายชุมชน ผู้ประกอบการธุรกิจบริการสุขภาพเพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายในประเทศและอนาคต 

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้คัดเลือกตำรับยาที่พื้นบ้านมาสร้างมูลค่าเพิ่ม และนำเอาสมุนไพรเหล่านั้นมาแก้ไขปัญหากับโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นว่าฟ้าทลายโจรเป็นที่นิยมในต่างประเทศ จึงควรต้องสร้างรายได้จากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ สร้างวิกฤตให้เป็นโอกาส 

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าห่วงประชาชนเรื่องสถานการณ์ โควิด-19 ยืนยันจะดำเนินการมาตรการควบคุมการป้องกันโรคและเศรษฐกิจ ทุกคนต้องช่วยกัน ต้องมีสติ เพราะไม่อย่างนั้นจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศไทยต้องมีเสถียรภาพ มีความสงบสุขสันติ ปราศจากความขัดแย้ง ซึ่งตนพยายามที่จะรักษาตรงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ทุกสิ่งเหล่านี้มีมานานกว่า 800 ปีอยู่บนพื้นฐานชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ ถ้าหากทำลายสิ่งที่ดีงามในอดีต จะไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่าเดิม เพราะทุกอย่างสร้างมาด้วยประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น อะไรไม่ดีก็อย่าทำอีก แต่หากอะไรที่ดีงามก็รักษาสืบสานต่อยอดกันไป

นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันคิดแบบนี้ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะทิ้งโอกาสที่มีอยู่ไปทั้งหมดจะทำให้โอกาสเป็นวิกฤติไปทั้งหมด สงสารประชาชนอีกมากมายที่ยังลำบากอยู่ทั้งเรื่องค่าของชีพความยากจนปัญหาหนี้สิน ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง ขณะที่เรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาแบบองค์รวมซึ่งจะลงไปดูประชาชนในทุกพื้นที่ว่ามีความเดือดร้อนอย่างไรการประกอบอาชีพมีปัญหาและต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลดำเนินการด้านสุขภาพของประชาชนและแก้ไขปัญหา โควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ทั้งการดูแลผู้เจ็บป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาจึงถือว่าเราทำได้ดีมากๆในโลกใบนี้ จึงขอให้ประชาชนป้องกันตนเองให้ดีที่สุดเพื่อลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้บ่นไม่ได้พูด แต่หลายคนไม่ทำงาน แต่พูด

ประยุทธ์ 2134612000000.jpgประยุทธ์  อนุทิน สาธิต กระทรวงสาธารณสุข สมุนไพร 6000000.jpg


โควิด -BE46-4EEF-BBE8-DDC0D9FFD8F2.jpeg

ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบูธ ช่วงหนึ่งได้มีชายสูงอายุนำเสื้อมามอบให้นายกรัฐมนตรีโดยมีข้อความว่า “สมุนไพรไทยในครัวเรือน ฆ่าโควิดได้ทุกสายพันธุ์ 5 วันเท่านั้น รัฐไม่เลือกใช้ เวร!” ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แรงไปนะ รัฐก็ใช้ อะไรใช้ประโยชน์ได้ก็ใช้ไป จะมาบอกว่ารับไม่ได้ใช้ได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกรัฐมนตรีพยายามระงับอารมณ์ ก่อนที่จะเดินชมนิทรรศการอื่นๆต่อ


ประยุทธ์ 000000.jpgประยุทธ์  อนุทิน กัญชา 7000000.jpg

หนุนกัญชง กัญชา-เตือนประชาชนระวังป้องกันโควิดอยู่มีสติ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระุหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติครั้งที่ 18 โดยแสดงความยินดีกับความสำเร็จในการที่รัฐบาล สนับสนุนเรื่องการปลูกพืช ที่เพิ่มมูลค่าได้ อย่างเช่นกัญชงและกัญชา เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลขับเคลื่อน โดยมี อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) สาธารณสุข ร่วมผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอด เป็นมติให้รับผิดชอบร่วมกัน สิ่งสำคัญที่สุดมีทั้งคุณ ทั้งโทษ มีประโยชน์แต่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการใช้ เพราะขณะนี้ทุกประเทศในโลกให้ความนิยม และให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้

แต่ประเด็นสำคัญทำอย่างไรให้ฐานรากเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการเพาะปลูกพืชเหล่านี้ แต่ไม่ใช่แค่เฉพาะกัญชงและกัญชา ยังมีพืชสมุนไพรอีกหลายอย่างที่มีศักยภาพ จำเป็นจะต้องหารายได้จากความหลากหลาย ทางชีวภาพของประเทศไทย เป็นอีกเมนูหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาความยากจน รายครัวเรือนซึ่งจะเห็นว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้นเยอะมาก ภายในระยะเวลาปีเศษๆ 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเตือนสติประชาชน ว่าอยากให้ระมัดระวัง มีสติรับรู้รับทราบกับสถานการณ์โควิด ที่สำคัญเน้นการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 ที่จะต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีสติ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ประเทศจะต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ และต้องเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขในประเทศ หากเกิดขึ้นก็ต้องรักษาพยาบาลดังนั้นที่สิ่งที่เกิดขึ้น ต้องแก้ไขให้ได้ เพราะเกี่ยวพันในหลายจุด ซึ่งต้องรับความเสี่ยงร่วมกัน โดยที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจฐานราก แต่สุขภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด 

นายกรัฐมนตรี มองว่าการฉีดวัควีนที่เป็นไปตามเป้า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และขอให้อยู่กับโควิด อย่างมีสติ 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปร่วมกับประชาชนพร้อมกับกล่าวย้ำว่า เราเป็นคนไทยต้องช่วยกันพัฒนาประเทศ ขอ ให้ดูแลสุขภาพด้วย