อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวชี้แจงข้อเท็จคำสั่งโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ว่า เท่าที่ทราบท่านจะต้องไปเป็น ผอ.รพ.สะบ้าย้อย ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.เป็นต้นไป ส่วนตัวก็ไม่ได้ทราบในรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องการบริหารจัดการในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตนก็ดูจากข่าวต่างๆทั่วไป เพราะเรื่องถือเป็นการบริหารจัดการงานตามปกติในกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีอะไรเป็นเรื่องแปลกใหม่ หรือเป็นเรื่องผิดปกติ ทุกอย่างดำเนินการไปได้ด้วยดี
เมื่อถามถึงว่า กรณีดังกล่าวเป็นการทำลายแพทย์ชนบท หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ใครจะกล้าทำร้าย อย่าว่าแต่แพทย์ชนบทเลย แพทย์คนไหนพยาบาลคนไหนอสม.คนไหน ก็ไม่มีใครกล้าทำร้าย ต้องยกย่อง
ส่วนพรรคก้าวไกลออกมาใช้เรื่องนี้โจมตีทางการเมือง อนุทิน กล่าวว่า เขาคงมีความผูกพันความสัมพันธ์ทางการเมืองกันอยู่ ตรงนี้ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ก็เคยเห็นรูปที่ นพ.สุภัทร ได้แสดงสัญลักษณ์อะไรต่างๆที่เห็นถึงความเชื่อมโยงกัน แต่ส่วนตัวก็ไม่ก้าวก่าย เวลาราชการถือเป็นสิทธิ์ เพราะข้าราชการ เวลาอยู่นอกเวลาราชการก็ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่จะแสดงจุดยืนอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของท่าน เราต้องให้ความเคารพด้วยซ้ำ
เมื่อถามว่า ส่วนตัวยืนยันใช่หรือไม่ว่าไม่มีส่วนในการโยกย้ายหมอสุพัฒน์ อนุทิน กล่าวว่า "ตัวผมยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่า ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการจัดการในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข อยู่นอกเหนือขอบข่ายการรับผิดชอบของรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ตรงนี้ก็ไม่ได้โบ้ยอะไร แต่ละระดับชั้นของการทำงาน ก็มีความชัดเจน ว่าอำนาจหน้าที่ของแต่ละคนเป็นอย่างไร"
แต่เรื่องนี้ดูเหมือนบานปลาย เพราะชมรมแพทย์ชนบท ก็ได้มีการหยิบเรื่องป้ายประชาสัมพันธ์นโยบายดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งมีรูป อนุทิน เป็นพรีเซ็นเตอร์ ติดอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลทั่วประเทศ ว่าเป็นการหวังผลทางการเมืองหรือไม่ อนุทิน ชี้แจงว่า มันเป็นคนละเรื่องกัน ไม่เกี่ยว เป็นความพยายามที่จะหาเรื่องดิสเครดิตรัฐมนตรี และเป็นความพยายามที่จะให้รัฐมนตรีลงมายุ่ง ซึ่งมันยุ่งเกี่ยวไม่ได้ในทางกฎหมาย ไม่มีช่องทางที่จะลงไปยุ่งเกี่ยวได้เลย อาจจะเป็นการสร้างให้เกิดความสนใจ หรือเรียกร้องความสนใจ เพื่อที่จะให้รัฐมนตรีให้นโยบาย กับทางปลัดกระทรวง ซึ่งรัฐมนตรีไม่เคยทำอยู่แล้ว เพราะการทำงานขณะนี้ถือว่าครบ 4 ปีแล้ว ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข พึ่งตนให้เกียรติข้าราชการทุกฝ่ายอยู่เสมอ ไม่เคยก้าวล่วงไม่เคยก้าวก่าย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการนำเสนอโดยข้าราชการ ขณะที่รัฐมนตรีก็เป็นเรื่องของการมอบนโยบายเรื่องของสุขภาพ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน นี่คือภาษาที่รัฐมนตรีพูดกับปลัดกระทรวง พูดอยู่แค่นี้ "อยากเห็นคนไทยได้รับวัคซีนทุกคน" ส่วนจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของปลัดกระทรวง ที่จะไปบริหารจัดการ และนำเสนอรัฐมนตรีเพื่อให้การสนับสนุน โดยการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตามสมควร นี่คือหน้าที่ของตน ในการทำงานในกระทรวงสาธารณสุข
อนุทิน กล่าวถึงสถานะภายในพรรคของ วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตกรรมการบริหารพรรค ว่า สถานะยังเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ต้องเช็คกับ ศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค
ส่วนที่มีข่าวว่ามีทีมงานของ วีรศักดิ์ จะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยนั้น ฝอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้รู้มานานแล้ว ทั้งนี้มองว่ามันก็ดี เพราะจะมีการคละเคล้ากันไป จะได้เลิกวลี “ไล่หนูตีงูเห่า” หากมาพรรคภูมิใจไทย เพราะคนของพรรคภูมิใจไทยก็ออกไปพรรคอื่น ซึ่งเราไม่ได้ไล่ใครทั้งนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง แล้วมาแข่งกันทำความดีและขายนโยบายให้กับประชาชนเพื่อตัดสินใจ
เมื่อถามว่า ทีมงานของ วีรศักดิ์ ย้ายไปพรรคเพื่อไทยจะไม่ทำให้ภูมิใจไทยขุ่นข้องหมองใจใช่หรือไม่ อนุทิน ระบุว่า ทีมงานท่านวีรศักดิ์ ไม่เคยทำอะไรให้กับพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว ซึ่งตอนที่ท่านวีรศักดิ์ อยู่ที่นี่ก็คุยกับท่านวีรศักดิ์เพียงคนเดียว ส่วนการดูแลประสานงานในพื้นที่ทางพรรคก็มีการแบ่งกันดูอยู่แล้ว
“ณ วันนี้พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องถือว่าไม่มีกลุ่มโรงแป้ง ไม่มีกลุ่มท่านรัฐมนตรีวีรศักดิ์อีกต่อไป มีแต่กลุ่มของภูมิใจไทย ทางโคราชก็กลุ่มอนุทินเนี่ยแหละ”
ทั้งนี้ ศุภชัย ได้ยืนยันว่า วีรศักดิ์ ณ วันนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพียงแค่ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น
อนุทิน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรค รทสช.เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 ของพรรค ว่า ก็ต้องแสดงความยินดีกับท่าน พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทย ให้กำลังใจทุกพรรคการเมืองและทุกฝ่ายเสมอ เพราะทุกพรรคการเมือง มีความตั้งใจที่จะรับใช้ชาติและประชาชน หากใครจะรับใช้ประชาชนในบทบาทไหนหรือรูปแบบใด ฉะนั้นในความเป็นพรรคการเมือง ส.ส. และยิ่งเป็นคณะรัฐมนตรีด้วยกัน ก็ต้องยิ่งให้กำลังใจ แต่ในส่วนเรื่องการแข่งขันเพื่อให้ได้รับความมั่นใจจากประชาชนก็ต้องเป็นการแข่งขันแต่ละพรรค