การตายของเธอสร้างความโกรธเคืองแก้ผู้คนในเม็กซิโก เพราะความโหดร้ายที่เธอเผชิญ ยิ่งไปกว่านั้น เธอได้แจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าหลายเดือนก่อนจะเกิดการโจมตี
ตอนนี้กำลังมีการสืบสวนว่า การฆาตกรรมครั้งนี้ถือเป็น “เฟมิไซด์” หรือการเลือกสังหารผู้หญิงเพียงเพราะ
สถานะทางเพศของเธอ อย่างไรก็ดี เม็กซิโกเผชิญอยู่กับปัญหาการ “เลือกสังหารเพศหญิง” หลายครั้งในรอบปีที่ผ่านมา โดยมีการบันทึกว่ามีเหตุในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นถึง 1,004 ครั้งในปี 2564 ที่ผ่านมา
หลุยส์ โจอาควิน เมนเดซ อัยการ ระบุว่า พยานได้อธิบายว่าพบเห็นผู้ชาย 3 คน และผู้หญิงอีก 1 คน เข้าทำร้ายปาดีญาในสวนของเมืองซาโปปัน ก่อนคนร้ายทั้งสี่จะหลบหนีไป
ปาดีญา มีลูกชายวัย 11 ขวบป่วยเป็นออทิสติก เธอเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ดูแลญาติผู้มีความพิการที่เรียกว่า “ฉันคอยดูแลเม็กซิโก” กลุ่มผู้ดูแลระบุว่า ปาดีญาได้รับคำขู่หลายครั้งจากเพื่อนบ้านของเธอ ที่รำคาญเสียงของลูกชาย
เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ปาดีญาได้โพสรูปภาพกำแพงบันไดในที่อยู่อาศัยของเธอ ซึ่งถูกพ่นสีด้วยข้อความว่า “กูจะเผามึงทั้งเป็น” ลงบนทวิตเตอร์ พร้อมข้อความว่า “ฉันต้องทนอยู่อย่างหวาดกลัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ หวาดกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันและครอบครัวของฉัน ในขณะที่คนที่คอยขู่ฉันยังเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างนอกนั่น”
เมนเดซจากสำนักงานอัยการยืนยันว่า ปาดีญาได้รายงานว่าเธอถูกเพื่อนบ้านข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยเพื่อนบ้านคนดังกล่าวเคยมาที่สถานีตำรวจด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีหลักฐานมากพอว่าเขากระทำผิด ทั้งนี้ เมนเดซกล่าวว่าพยานในที่เกิดเหตุไม่ได้ระบุว่า เพื่อนบ้านคนนี้เป็นหนึ่งในสี่คนที่ทำร้ายปาดีญาหรือไม่
สื่อท้องถิ่นระบุว่า ปาดีญาเคยถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวจากคนรักเก่าอีกด้วย
เมนเดซยืนยันว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนจะพยายามหาหลักฐานทุกอย่างอย่างเต็มที่ ซึ่งตอนนี้ลูกชายของเธออยู่ภายใต้การดูแลของป้าและยายของเขาแล้ว
ที่มา: