ไม่พบผลการค้นหา
"จตุพร" ชี้ พลังนักศึกษาขณะนี้จุดติดไปไกลกว่าที่คนคาดคิด เผยดีใจที่คนหนุ่มสาวมีสำนึกต่อชาติบ้านเมือง พร้อมแนะ "เพื่อไทย" และ "อนาคตใหม่" ไปคุยกันให้จบ หลังเพื่อไทยอภิปรายกินเวลาของอนาคตใหม่ พร้อมยกคำจำกัดความการเมือง เหมือนที่ตนก็เคยพลัดหลงไปในดงละครที่เขาเเสดงกัน

วันที่ 28 ก.พ. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวว่า การเมืองที่เริ่มวิวัฒนาการถึงจุดเสื่อม การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงการออกแบบที่จะอภิปรายนำไปสู่ความขัดแย้งเริ่มต้นระหว่างพรรคเพื่อไทย กับอดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านคือ การไม่เข้าไปร่วมโหวต โดยใช้วิธีแสดงตัวว่าไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกัน อนาคตใหม่ อยู่ในช่วงพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ทำอะไรก็ดูเหมือนว่ามีอุปสรรคทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง จึงทำให้รู้สึกว่าถูกกระทำรอบทิศทาง

ปกติการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจวันสุดท้ายจะต้องจบก่อนเที่ยงคืนและฝ่ายค้านในฐานะผู้กล่าววหาต้องได้เวลามากกว่าฝ่ายรัฐบาล แต่การอภิปรายครั้งนี้ตนไม่เข้าใจข้อตกลงระหว่างวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลไปตกลงเงื่อนไขเรื่องเวลาจนกลายมาเป็นปัญหาว่า ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้อภิปราย และมีรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติ ไม่ถูกอภิปรายตามญัตติ จนกลายเป็นความขัดแย้ง และหากตั้งหลักกันไม่ทันก็จะลุกลาม เพราะอนาคตใหม่มีแผลใจมากอยู่แล้ว ตั้งแต่ถูกยุบพรรค สมาชิกพรรคก็ถูกปล้นไป และก็มีความรู้สึกว่าฝ่ายค้านด้วยกันเองหักหลังด้วยการอภิปรายเกินเวลาของอนาคตใหม่  

ทั้งนี้ ส่วนตัวก็รู้สึกแปลกใจเรื่องการแบ่งเวลาที่บอกว่า การอภิปรายจะจบลงในเวลา 19.00 น. นั้นทุกคนจะต้องทักท้วงต่อประธานสภาผู้แทนราษฏรตั้งแต่ต้นว่าไม่ควรที่จะล็อกเวลาไว้เช่นนั้น แต่ควรจะบอกว่าการอภิปรายจะจบลงก่อนเที่ยงคืน โดยไฮไลท์ของการอภิปรายคือการอภิปรายสรุปประเด็น แต่เมื่อวานนี้ไม่มีการสรุป เพราะฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ และ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ยังไม่ได้อภิปรายก็ต้องไปอภิปรายนอกสภา จนเป็นเหตุให้การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันนี้ไปคนละทิศละทางกัน แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เปลี่ยน   

ดังนั้นสิ่งเเรกที่ต้องทำวันนี้คือ พรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่จะต้องไปคุยกันให้จบไม่อย่างนั้นเสื่อม เพราะนี่คือบทเรียนราคาเเพง โดยเฉพาะอนาคตใหม่ที่ตั้งพรรคเเนวอุดมการณ์ไม่มีความสลับซับซ้อนทางการเมือง แต่การเมืองอย่างที่ตนเคยจำกัดความไว้ว่า เหมือนตนก็เคยพลัดหลงไปในดงละครที่เขาเเสดงกัน   

นายจตุพร กล่าวถึงการออกมาแสดงพลังของนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศในขณะนี้ ว่า ตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยพบเคยเห็น แม้แต่โรงเรียนศึกษานารี โรงเรียนสตรีวิทยาก็มีการออกมาแสดงพลังเช่นกัน ซึ่งเป็นความน่าอัศจรรย์ใจ ล่าสุดนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ออกมาแสดงจุดยืนจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ดังนั้นตนมองว่า สถานการณ์ในขณะนี้ไปไกลมาก ขณะเดียวหากประเมินสถานการณ์หลังการอภิปราย หากรัฐบาลใช้อำนาจในการจัดการกับการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาก็จะเกิดปัญหาเหมือนในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของนิสิตนักศึกษา เพราะขณะนี้การจุดติดของนักศึกษานั้นไปไกลกว่าที่คนคาดคิด และส่วนตัวรู้สึกดีใจที่คนหนุ่มสาวมีความสำนึกต่อชาติบ้านเมือง  

นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีการพูดของนายกรัฐมนตรีที่เเสดงท่าทีในสภาต่อกรณีการเคลื่อนไหวของนักศึกษาโดยพูดเกี่ยวกับอำนาจทางกฎหมาย และเตือนเรื่องการหมิ่นสถาบัน ซึ่งเคยถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นชนวนในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 นั้น ส่วนตัวมองว่านิสิตนักศึกษาในปัจจุบันจะต้องไม่เดินซ้ำรอยตามเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 จะต้องวางกรอบป้องกันตนในเรื่องนี้อย่างละเอียดอ่อน จะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุด ดังนั้นหากการเเสดงพลังชุมนุม มีเพียงเรื่องการเมืองอย่างเดียว โดยไม่มีเรื่องการหมิ่นสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องนั้นนักศึกษาย่อมจะมีความชอบธรรมเหนือกว่าคนที่จะใช้กำลังในการปราบปรามใดๆ  

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับมิติอำนาจตามกฎหมาย เกี่ยวกับการดำเนินคดีความนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า เมื่อถึงเวลาการต่อสู้ทุกคนก็ต้องแลกกันมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใด ก็มีคนถูกดำเนินคดีกันทั้งสิ้น