ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.อุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ซื้อบัตรสมาร์ตการ์ด ที่อ้างว่าเป็นบัตรพลัง มีสรรพคุณในการรักษาโรค โดยเฉพาะอาหารปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย โดยวิธีการใช้คือนำบัตรไปแตะบริเวณที่ปวด หรือ นำแก้วน้ำไปวางบนบัตร นำมาดื่มสามารถช่วยอาการปวดให้ทุเลาลงได้ ทำให้มีชาวบ้านหลงเชื่อซื้อหามาใช้ โดยมีตัวแทนซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านนำมาขายในราคา 1,100-1,500 บาท ว่า ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้ทำงานร่วมกันกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนหาตัวบุคคลที่นำบัตรสมาร์ตการ์ด ที่อ้างว่าเป็นบัตรพลัง มาเผยแพร่และมาขายให้ประชาชนในพื้นที่ โดยกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้ตั้งคณะสืบสวนสอบสวนขึ้นมา ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาตัวผู้ที่ร่วมกันดำเนินการมาสอบสวน
ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้สั่งให้ผู้กำกับการตำรวจภูธรอุบลรัตน์ ร่วมกับทีมสืบสวนลงพื้นที่หาตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน และสั่งให้กำกับการตำรวจภูธรเขาสวนกวาง ลงพื้นที่สืบสวนในจุดที่เป็นแหล่งการประชุมสัมมนาว่า มีใครที่เกี่ยวข้อง มีใครถ่ายภาพนิ่งหรือคลิปที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 8-9 มิ.ย. ที่ผ่านมาหรือไม่ เพื่อนำมาตรวจสอบว่า มีใครที่เกี่ยวข้องบ้าง จากนั้นก็จะสอบสวนเพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่าหลอกลวงประชาชนหรือเป็นการขายตรงที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่
ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากมีการเผยแพร่บัตรพลังงานออกไปตามสื่อต่างๆ มีการแชร์ที่มาของบัตรทางโซเชียลกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ตำรวจเก็บรวบรวมเป็นหลักฐานเช่นกัน รวมถึงการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่าบริษัทที่นำบัตรมาจำหน่ายให้กับประชาชนนั้นอยู่ในพื้นที่เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร ซึ่งทีมสืบสวนที่ตั้งขึ้นมา กำลังสืบสวนสอบสวนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่ หากพบว่ามีการกระทำที่หลอกลวงประชาชนผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ในการสืบสวนหาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งการผลิตและการนำบัตรมาขายนั้น ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยให้นายอำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น นำทีม 3 ฝ่ายลงพื้นที่ เชิญตัวคนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ อีกทั้งผู้ที่จะถูกเชิญตัวมานั้น ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นคนกลางระหว่างบริษัทกับสมาชิก และเป็นหนึ่งในประชาชนที่ถูกหลอกเช่นกัน จึงได้กำชับให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างรอบคอบ เพราะขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหาย ยังไม่มีการแจ้งความ เจ้าหน้าที่จึงทำได้เพียงการขอความร่วมมือ ในการเชิญตัวมาสอบสวน อย่างไรก็ตามการกระทำที่เกิดขึ้น รวมถึงเอกสารต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่รวบรวมมาได้นั้น เป็นการกระทำที่หลอกลวงประชาชน เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบให้รัดกุมและชัดเจนในทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันการหลอกลวง ให้ประชาชนหลงเชื่ออีก