รศ.ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงบัตรพลังงาน ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่า หลังจากได้ดูเอกสารที่ผู้ประกอบการนำมาชี้แจงนั้น พบว่า บัตรดังกล่าวมีสารโลหะหนัก ทั้งปรอท, สารตะกั่ว, และที่สำคัญมีสารกัมมันตรังสีด้วย ซึ่งเมื่อตัดบัตรออกจะเห็นว่ามีผงสีขาวอัดเป็นแผ่นแข็ง ซึ่งผลรายงานทางเคมียืนยันผลตรวจปี 2559 มีสารกัมมันตรังสีอันตราย จึงขอเตือนประชาชน ถ้านำไปห้อยแขวนติดตัว หรือนำไปจุ่มน้ำแล้วดื่ม ร่างกายจะได้รับสารเหล่านี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ จึงเสนอให้หน่วยงานรัฐนำบัตรนี้ไปตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่ชาวบ้านศาลาดิน ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ซื้อบัตรสมาร์ทการ์ด ที่อ้างว่าเป็นบัตรพลัง มีสรรพคุณในการรักษาโรค โดยเฉพาะอาหารปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย ว่า การตรวจสอบคืบหน้าไปมาก ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ได้รับบัตรดังกล่าวมาจากการซื้อต่อจากผู้ที่เป็นสมาชิกและเป็นตัวแทนประจำหมู่บ้าน ในราคาบัตรละ 1,500 บาท ในบัตรไม่ได้บ่งบอกถึงสรรพคุณทางยาหรือการรักษาโรค แต่ทางบริษัทได้บอกกับชาวบ้านที่สมัครเป็นตัวแทนว่าเป็นบัตรปลดปล่อยพลังงานออกมาเพื่อรักษาโรคและปรับสมดุลของระบบร่างกาย
โดยรายละเอียดทั้งหมดทราบว่า บริษัทได้ประชุมการขายตรงเพื่อให้ความรู้กับสมาชิกเมื่อวันที่ 7-9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผู้สมัครเป็นสมาชิกจะซื้อบัตรพลังได้ในราคา 1,100 บาท และนำไปขายต่อให้ประชาชนทั่วไปราคา 1,500 บาท อีกทั้งเมื่อเกิดกรณีดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดแล้ว มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ด้วย จึงได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่อย่าหลงเชื่อการโฆษณาหรือการขายสินค้าดังกล่าวเด็ดขาด
“การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าพฤติกรรมดังกล่าว เป็นการโฆษณาเกินจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดสินค้าหรือบริการ เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และการจำหน่ายโดยลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในคุณภาพสินค้า ทำให้ประชาชนหลงเชื่อจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ส่งให้ตำรวจทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย”
พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้การตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ต่างก็ทราบแล้วว่าบัตรพลังงาน ไม่ใช่บัตรที่จะนำมารักษาโรคใดๆ ได้ จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุบลรัตน์ ลงพื้นที่สอบปากคำผู้ที่ใช้บัตรดังกล่าว และหากประชาชนรายใดจะแจ้งความว่าตัวเองถูกหลอกก็สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้
“ชุดสืบสวนของทุกพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและหาตัวคนที่เข้าร่วมประชุมที่สวนสัตว์ เพื่อเชิญตัวมาสอบสวน รวมถึงตรวจสอบว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดประชุมในวันดังกล่าวเคยมีประวัติในการถูกดำเนินคดีมาก่อนหรือไม่ ซึ่งรายละเอียดในบางส่วนไม่สามารถเปิดได้”
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า ในเบื้องต้นพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องในการขายตรงบัตรดังกล่าวนั้น มีความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาเกินจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดสินค้าหรือบริการ เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และการอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์ในการบำบัด รักษา บรรเทา โดยไม่ได้รับอนุญาต การจำหน่ายโดยลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในคุณภาพสินค้าก็มีความผิดเช่นกัน รวมถึงการฉ้อโกงประชาชนด้วย ทั้งนี้จะมีการนำบัตรดังกล่าวส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ภาพ : เฟซบุ๊ก/Weerachai Phutdhawong
ข่าวที่เกี่ยวข้อง