ไม่พบผลการค้นหา
'ศักดิ์สยาม’ แจงแล้ว ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ‘เขากระโดง’ ไม่แทรกแซงการทำงานคมนาคม ปัดเอี่ยวธุรกิจหจก.บุรีเจริญฯ เย้ย ‘สุรเชษฐ์’ ไม่เข้าใจปม ‘MR-MAP’ - รองประธานสภา เผย การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องกล่าวหา ‘รุนแรง’ ย้ำ ส.ส. อย่าไปกั๊ก

วันที่ 20 ก.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล จำนวน 11 คน เป็นวันที่สอง นั้น ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไชี้แจงคำอภิปรายฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจตนเอง โดยระบุถึงประเด็นการแทรกแซงการทำงานของกระทรวงคมนาคมว่า ตนนั้นไม่เคยแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานสังกัดกรทะรวงคมนาคม และสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบในที่ดินเขากระโดง ดำเนินการตามกฎหมายมาโดยตลอด สิ่งที่มอบให้ทางรถไฟ ทำไปภายใต้ระเบีบกฎหมาย และหลักธรรมาภิบาล เรื่องนี้มีรายละเอียดอภิปรายไปหลายครั้งแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นประเด็นที่ซ้ำ และเสียเวลา 

ศักดิ์สยามระบุว่า ยืนยันด้วยความบริสุทธ์ใจ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ตนเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ เพราะทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของกฎหมาย สำหรับประเด็นที่สองการกล่าวหาว่า แทรกแซงการทำงานของการรถไฟฯ ยืนยันว่า ตนได้สั่งการการทำงานตามหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด และดำเนินการในสิ่งที่กำกับดูแลอย่างชัดเจน จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 

นอกจากนั้นในหนังสือสั่งการในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนา ยังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดง ให้ปฏิบัติด้วยความเท่าเทียม เสมอภาค และโปร่งใส ส่วนประเด็นต่อมาคือ ตนได้เคยอภิปรายครั้งที่ผ่านมาว่า ในฐานะที่หน่วยงานการรถไฟฯ เป็นหน่วยงานของรัฐ การจะให้การรถไฟไปฟ้องร้องกับประชาชนที่มีเอกสารออกโดยชอบจากหน่วยงานของรัฐเป็นความไม่เป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน แต่สิ่งที่มีการดำเนินการคือ การพิสูจน์สิทธิ์ก่อน 

“การรถไฟฯ เชื่อว่า การออกเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดินมีความคาดเคลื่อน จึงขอให้กรมที่ดินพิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับซ้อนในที่ดินของการรถไฟ” ศักดิ์สยาม กล่าว 

ศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ขณะที่ทางการรถไฟฯ มีคำร้องไปที่ศาลปกครอง ให้มีกระบวนการวินิจฉัยเรื่องนี้ ถามว่าทำไมต้องฟ้องต่อศาลปกครอง การรถไฟฯ แจ้งว่า ศาลปกครองกลางสามารถมีคำสั่งให้เพิกถอนที่ดินทั้งแปลงตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ได้ ทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว รัดกุม ไม่มีที่ดินส่วนใดตกหล่น 

“ขอให้พึงระวังประเด็นการกล่าวหา อาจจะเป็นการก้าวล่วงการพิจารณาของศาล สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดอำนาจศาล ซึ่งทุกคนต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม” ศักดิ์สยาม กล่าว 

นอกจากนี้ เรื่องที่สมาชิกอภิปรายพาดพิง ‘ชัย ชิดชอบ’ บิดาของตนนัั้น บิดาของตนนั้นขออาศัยสิทธิในที่ดินของ รฟท. เมื่อปี 2516 แต่คนละแปลงกัน มีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน 48 ตารางวา ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 3466 จะมีพื้นที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตารางวา และมียื่นออกเอกสารสิทธิจากกรมที่ดิน 

ศักดิ์สยาม ยกคำอภิปรายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ที่กล่าวว่า เมื่อศาลยุติธรรมพิพากษาว่า กรรมสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดงเป็นของการรถไฟฯ การรถไฟฯ สามารถนำผลพิพากษาไปใช้ต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โดย ศักดิ์สยาม กล่าวว่า มาตรา 145 เป็นเรื่องของการใช้ยืนยันสิทธิ์ของทางรถไฟในที่ดินแปลงที่อยู่ในคำพิพากษาเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับที่ดินแปลงอื่น 

ส่วนประเด็นนิติกรรมอำพราง ขายหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ ที่กล่าวว่า มีพฤติกรรมซื้อขายปลอม เพื่อให้รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคมได้ประโยชน์จากโครงการรับเหมาของกระทรวงคมนาคมนั้น ศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องนี้มีการซื้อขายกันจริง ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2561 ได้มีการโอนเงินเสร็จเรียบร้อย ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 2561 ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ หจก.บุรีเจริญฯ เป็นต้นไป ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้น ได้นำไปชำระหนี้สินส่วนตัว 

ศักดิ์สยาม อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชุมสภา   2EAA6A5552.jpeg

โครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมมีลักษณะ ‘ฮั้วประมูล’ จึงเรียนว่า ไม่เป็นความจริง และเป็นไปไม่ได้ หลังจากได้เข้ามาดำรงตำแหน่งได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการ 4 ข้อ คือ ต้องปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ต้องถูกต้องตามมติครม. ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และต้องรับฟังเสียงประชาชน อีกทั้งการประมูลไม่ได้ทำโดยกระทรวงคมนาคม แต่ใช้วิธี E-Bidding ซึ่งดำเนินโดยกรมบัญชีกลาง 

ศักดิ์สยาม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมจัดงบประมาณสำหรับกรมทางหลวงชนบทไปที่จังหวัดบุรีรัมย์มากกว่าปกติ ชี้แจงว่า ต้องพิจารณาขอตั้งงบประมาณที่มีการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมในเรื่องกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท โดยการของบประมาณนั้น ขอไปมากทุกปี แต่จะได้รับการจัดสรรไม่เกิน 1 ใน 3 ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีทั้งเรื่องการจัดตั้งงบประมาณที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่เป็นงบผูกพัน และการจัดตั้งโครงการขนาดเล็ก หรืองานปีเดียว ซึ่งมีการตรวจสอบ และศึกษามาอย่างดี โดยคณะทำงาน ก่อนจะลงนามเสนอไปยังสำนักงบประมาณ

“10 ปีที่ผ่านมา จังหวัดบุรีรัมย์ มีงบของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทไม่ได้มีงบประมาณอะไรที่มากกว่าจังหวัดอื่นๆ ถ้าเปรียบให้เห็นชัดเจนว่า งบประมาณที่สูงขึ้นในห้วงท้ายๆ เพราะในอดีตที่ผ่านมา การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา” 

ส่วน MR-MAP นั้น ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นการซ้ำซ้อนโครงการรถไฟทางคู่ความเร็วสูง และมอเตอร์เวย์ ซึ่งจะแย่งผู้โดยสารกันเอง เกิดหนี้สูง 5.7 ล้านล้านบาท ผลประโยชน์ไม่ตกถึงประชาชนในพื้นที่ โดย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อาจจะยังไม่เข้าใจในประเด็นนี้ ซึ่งตนได้เคยพูดว่า อยากให้ท่านไปร่วมประชุมที่กระทรวงคมนาคมเพื่อหารือแลกเปลี่ยน เพื่อทำให้เกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนา MR-MAP ซึ่งท่านไม่เคยไปสักครั้ง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้างใจเป็นไปเพื่อการตั้งข้อกล่าวหาอย่างรุนแรงตามที่เขียนไว้ในญัตติ ฉะนั้นอย่าไปกั๊กว่าอภิปรายไปก่อน แล้วมารอตอบอีกครั้ง ต้องตั้งข้อกล่าวหาอย่างรุนแรงไปเลยว่าเขาทุจริตอย่างไร ใช้อำนาจอย่างไร ไร้ประสิทธิภาพอย่างไร วันที่ผ่านมาเหมือนไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่าไปเกรงใจกัน รัฐมนตรีมีหน้าที่ชี้แจงว่าจริงหรือไม่จริง 

ขณะที่ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยังได้ใช้สิทธิพาดพิง และกล่าวว่า หลายๆ ประเด็นที่ศักดิ์สยาม พยายามชี้แจงมันฟังไม่ขึ้น ตามที่บอกว่า มีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจแนวคิดนี้ รวมถึงอยากให้ไปประชุมที่กระทรวงฯ แต่เรื่องนี้เราคุยกันตั้งแต่การพิจารณางบประมาณปี 2564 ความจริงแล้วเขาไม่เชิญ ควรจะมีการถกเถียง และไลฟ์สดไปเลยเพราะมีการใช้งบถึง 5.77 ล้านล้านบาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง