นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาล คสช.โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้บริหารประเทศมาเป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน โดยไม่มีนักการเมืองฝ่ายค้านเลย และยังมี ม.44 เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ทำไมมีคนจนที่รัฐบาลต้องช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน จำนวนมากถึง 14.5 ล้านคน
โดยการที่รัฐบาลคัดแยกคุณสมบัติคนจนมีรายได้น้อยออกมา 14.5 ล้านคนเช่นนี้เป็นตัวชี้วัดได้ว่า การบริหารเศรษฐกิจล้มเหลวใช่หรือไม่ เพราะการบริหารประเทศที่ประสบความสำเร็จนั้นมีตัวชี้วัดคือ รัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น มีกินมีใช้ ซื้อขายคล่อง รายได้โดยรวมของประเทศดีขึ้นไม่ต้องขูดรีดภาษีจากประชาชน สถิติจำนวนคนยากจนจะต้องลดลงเรื่อยๆ
ซึ่งมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4 มาตรการ ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ดังกล่าวนี้ เป็นการให้เงินช่วยเหลือระยะสั้นเพียงแค่ 10 เดือนเท่านั้น จะให้ค่ารถผู้สูงอายุไปรักษาพยาบาลเพียงแค่เดือนธันวาคมเดือนเดียวเท่านั้นเอง โครงการเร่งด่วนเฉพาะกิจเช่นนี้ รัฐบาลได้เสนอ กกต.ให้พิจารณาเห็นชอบก่อนตามข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ ถ้าหาก กกต.ตอบว่ากระทำเช่นนี้ได้ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้ทุกรัฐบาลสามารถทำได้ โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ นางลดาวัลลิ์ กล่าวด้วยว่า การจัดเงินให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นสิ่งที่ดี พรรคไหนมาเป็นรัฐบาลสามารถทำได้อยู่แล้ว มั่นใจว่าประชาชนชาวไทยทุกคนย่อมทราบดีว่าเงินที่รัฐบาลใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์นั้นล้วนเป็นเงินที่คนไทยทุกคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เพราะส่วนหนึ่งเป็นเงินภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บจากประชาชนทุกคนทั่วประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม แล้วนำมาเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ
"การที่ประชาชน 14,500,000 คน ได้รับเงินผ่านบัตรคนจนเป็นการรับเงินของประชาชนเอง ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณใคร เพราะไม่ใช่เงินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไม่ใช่เงินของ 4 รัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐที่ยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 แล้ว เชื่อว่าประชาชนรู้ทันว่ารัฐบาลกำลังคิดและกำลังทำอะไรอยู่
'โฆษก ทษช.' อัดรัฐบาล แจกเงินประชาชนใกล้เลือกตั้ง มีนัยยะแอบแฝง
นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรคไทยรักษาชาติ ตั้งคำถามถึงการที่รัฐบาล คสช.อนุมัติงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่าน“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ว่าเป็นการใช้งบประมาณของประเทศเพื่อหาเสียงล่วงหน้าและมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่
เนื่องจากรัฐมนตรี 4 คนในรัฐบาล คสช.เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งเป็นแกนนำของพรรคพลังประชารัฐที่กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการเลือกตั้ง จึงถือว่าเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นยังไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างอิสระ
แม้มาตรการดังกล่าว เป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ถือเป็นการช่วยเหลือแค่ในระยะสั้น ไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังสร้างภาระทางการคลังให้กับรัฐบาล ผูกพันภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต อันจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
หากรัฐบาล คสช.มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความยากจน ควรจะหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างอื่นที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และไม่มีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงน่าจะเหมาะสมกว่า
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ จึงอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล คสช. ปลดล็อกทางการเมือง ให้พรรคการเมืองอื่นทำกิจกรรมได้อย่างเป็นอิสระ เพื่อเตรียมพร้อมสู่สนามเลือกตั้ง และขอให้รัฐมนตรีทั้ง 4 ท่านลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบพรรคอื่น และหยุดอัดฉีดงบประมาณหาเสียงล่วงหน้า ดังเช่นกรณีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง