ไม่พบผลการค้นหา
จำนวนอภิมหาเศรษฐีทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ แตะตัวเลข 2,754 คนในปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนอภิมหาเศรษฐีในสหรัฐฯ มีมากกว่าจีน อินเดีย และเยอรมนีรวมกัน

สำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานอ้างอิงจากรายงานล่าสุดของสถาบันข้อมูลด้านความมั่งคั่ง Wealth-X ซึ่งระบุว่าปี 2017 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่บรรดาบุคคลร่ำรวยระดับอภิมหาเศรษฐีทั่วโลกนั้นเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนน่าตกใจ และขณะนี้ถือครองทรัพย์สินรวมกันอยู่ที่ประมาณ 9.2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 296 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2016 ถึงร้อยละ 24

รายงานดังกล่าวระบุว่า ในบรรดาอภิมหาเศรษฐีทั้งหมดมีอภิมหาเศรษฐีที่เป็นชาวอเมริกันมากถึง 680 คน คิดเป็นร้อยละ 25 ของทั้งหมด ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ร่ำรวยในระดับบนมากที่สุดในโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ถึง 60 คน และเป็นเจ้าของทรัพย์สินรวมกันอยู่ที่ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ รองลงมาก็คือประเทศจีน มีจำนวนอภิมหาเศรษฐีทั้งสิ้น 338 คน 

ปัจจัยหลักที่ทำให้อภิมหาเศรษฐี หรือที่รู้จักกันในนาม 'กลุ่มคน 1 เปอร์เซ็นต์ของโลก' นั้นมีทรัพย์สินกันมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ก็คือสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตขึ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนและตราสารทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลก 

โดยสรุปแล้วรายงานความมั่งคั่ง Wealth-X ชี้ว่า กลุ่มคนรวย 1 เปอร์เซ็นต์ของโลกที่ดังกล่าวเป็นเจ้าของความมั่งคั่งครึ่งหนึ่งของคนทั้งโลก ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนรวย 1 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเติบโตควบคู่ไปกับตลาดตราสารทุนทั่วโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย 

นอกจากนี้ รายงานความมั่งคั่งยังระบุด้วยว่าในปีที่ผ่านมา อภิมหาเศรษฐีที่เป็นผู้หญิงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ชาย แม้ว่าในปัจจุบันอภิมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ของโลกยังคงเป็นผู้ชายอยู่ก็ตาม และพฤติกรรมของการก้าวขึ้นมาเป็นอภิมหาเศรษฐของโลกก็มีความแตกต่างกันในหญิงและชาย เพราะจากการสำรวจพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มในการร่ำรวยขึ้นมาได้จากการรับมรดกมากกว่าผู้ชายนั่นเอง

ในแวดวงธุรกิจ นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอน อีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากสหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 112,000 ล้านดอลลาร์ เอาชนะอดีตแชมป์โลกอย่างนายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ไปเรียบร้อยโดยร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 2 แทน ส่วนอันดับที่ 3 นั้นตกเป็นของนักลงทุนผู้คร่ำหวอดในวงการมาอย่างยาวนานอย่างนายวอเรน บัฟเฟต 

Photo by Sharon McCutcheon on Unsplash

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: