ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย' ชี้นายกฯ ควรชี้แจงตรงไปตรงมาเรื่องการถูกลดอันดับความสามารถในการแข่งขัน แม้แต่โพลในเพจเชียร์รัฐบาลยังไม่เชื่อมั่นนายกฯ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ สถาบัน IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง 3 อันดับ ตกมาอยู่ที่ 30 และ ตนได้นำเอาข้อมูลของ ไอเอ็มดีที่ให้เหตุผลในการจัดอันดับไทยลดลงหนักว่า เป็นเพราะปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล และ การขาดดุลงบประมาณมาก พร้อมทั้งเตือนว่าไทยมีการรับรู้และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกต่ำ แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลออกมาตอบโต้ตนด้วยเหตุผลแบบงงๆ เหมือนแก้ตัว

"ก็อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ส่งข้อมูลตอบโต้นี้ให้กับสถาบันไอเอ็มดีโดยตรงเลย เพราะผมนำข้อมูลมาจากไอเอ็มดีที่ปรับลดอันดับไทย ซึ่งถ้าหากทำให้ไอเอ็มดีเชื่อได้ เขาก็อาจจะปรับอันดับคืนให้ และอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้จริงอย่างที่บอกเพราะแม้รัฐบาลจะใช้งบประมาณขาดดุลมาก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบเลยว่ารัฐบาลได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอะไรตลอด 4 ปีมานี้ จนเป็นสาเหตุให้ ไอเอ็มดีท้วงติงเรื่องปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่ไม่พัฒนานี้"

นายพิชัยกล่าวด้วยว่าหลายคนยังรอนั่งรถไฟความเร็วสูงอยู่ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์ที่เตือนให้ตนระวังข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ ว่าจะเข้าตัว จึงขอยืนยันว่าทุกข้อมูลและทุกคำแนะนำเป็นข้อมูลจริง ไม่ได้มีการบิดเบือนและสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งตนได้ระมัดระวังมาโดยตลอด

การที่ตนเตือนให้พลเอกประยุทธ์อ่านหนังสือเศรษฐกิจมากๆ ส่วนหนึ่งก็เพื่อจะให้พลเอกประยุทธ์ สามารถวิเคราะห์เศรษฐกิจได้เองโดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นที่อาจจะรายงานเพื่อเอาใจเท่านั้น อย่างเรื่องการเจริญเติบโตของไทยที่ต่ำสุดในอาเซียนตลอด 4 ปี ก็เป็นข้อมูลของเวิลด์แบงก์และเอดีบี ที่ยืนยันข้อมูลของตน และการเจริญเติบโตที่ต่ำมาตลอดและพึ่งจะมาดีขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจ เพราะเฉลี่ย 4 ปี ไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 2 เปอร์เซ็นต์กว่าเท่านั้น ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านโตมากกว่าไทยเป็นเท่าๆ และ ปีนี้ถึงจะโตได้ 4 เปอร์เซ็นต์กว่า ก็ยังต่ำสุดในอาเซียนเช่นกัน 

นายพิชัยระบุด้วยว่าถ้าความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง ก็อาจจะแปลว่าไทยคงจะโตกว่านี้ไม่ได้มากแล้ว อีกทั้งยังมีปัญหาการกระจายรายได้���ี่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น ซึ่งหากทีมเศรษฐกิจของพลเอกประยุทธ์ไม่เห็นด้วยกับข้อมูลของตน ก็ขอให้ออกมาชี้แจงพร้อมกันกับตนได้ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน

ทั้งนี้ นายพิชัยตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องที่พลเอกประยุทธ์ควรพิจารณาคือ ผลโหวตในเพจที่เชียร์พลเอกประยุทธ์แต่กลับมีคนโหวตไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ถึงร้อยละ 94 โดยมีคนร่วมโหวตถึงกว่า 3.3 แสนคน หลังจากที่ลบผลโหวตเก่าที่มีคนโหวตไม่สนับสนุนร้อยละ 90 โดยมีคนร่วมโหวตกว่าครึ่งล้านคน น่าจะเป็นเสียงสะท้อนถึงผลงานและประสิทธิภาพของรัฐบาลได้ในระดับหนึ่ง