พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)กล่าวในระหว่างงานรัฐมนตรีพบประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี มีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวพยายามผลักดันให้มีสนามบินแห่งใหม่ในพื้นที่เกาะพะงัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางมาท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง อาทิ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เกาะพะงัน เกาะเต่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติสิมิลัน ซึ่งได้บอกกับพล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมตรี ว่า ถ้าไม่เชื่อและปล่อยให้มีการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ ก็จะใช้อำนาจที่มีสั่งปิดพื้นที่อุทยานแห่งชาติชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากเกินขีดความสามารถในการรองรับ ซึ่งขณะนี้ได้ปิดจุดดำน้ำหลายแห่ง โดยการปิดพื้นที่ดังกล่าวจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่การพัฒนาศักยภาพสนามบินที่มีอยู่แล้ว เช่น สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ให้พัฒนาศักยภาพให้ดีมากขึ้นจะดีกว่า พร้อมจัดระเบียบการท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยว เพราะข้อเท็จจริงการเติบโตของการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเข้ามายังประเทศหลายล้านคนต่อปี มีรายได้เข้าประเทศเกือบ 1 แสนล้านบาท แต่ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวก็ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นอย่างมาก ทั้งขยะ น้ำเสียจากโรงแรม รีสอร์ต บังกะโลที่ไหลลงสู่ทะเลโดยไม่ผ่านการบำบัด ส่งผลให้สัตว์น้ำเกือบทุกชนิดหายไป รวมทั้งปะการังได้รับผลกระทบ เป็นต้น ดังนั้น การพัฒนาใดๆ ต้องควบคู่กับการสมดุลทางธรรมชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม เร็วๆนี้ จะจัดเวทีสิ่งแวดล้อม และจะเชิญพรรคการเมืองทุกพรรค นักวิชาการ เอ็นจีโอ มาแสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งอยากให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะทรัพยากรเป็นสมบัติของชาติ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ด้านนายโสภณ ทองดี รองอธิบดีทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ภาพรวมทางทะเลดีขึ้นกว่า 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ทั้งปะการัง และสัตว์น้ำ รวมถึงทรัพยากรอื่นๆ มีจำนวนมากขึ้น มีปลาทะเลบางชนิดที่หายไปจากท้องทะเลนับ 10 ปี กลับมาอีกครั้ง และปลาบางชนิดที่ชาวประมงจับขึ้นมาได้มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น ปลาใบขนุน ซึ่งไม่เคยเจอมานานมาก ก็กลับมาเจอบ่อยครั้งขึ้น ปลาจาระเม็ดขาว ปลากะพง มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเมื่อ 4-5 ปีก่อน ปลาเหล่านี้มีขนาดน้ำหนัก 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม แต่เวลานี้ปลามีขนาดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1 กิโลกรัมต่อตัว นอกจากนี้ความร่วมมือในการใช้เครื่องมือประมงต่างๆที่ผิดหฎหมายก็ได้รับความร่วมทอจากชาวประมงมาก
นายโสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่ทำให้ปะการังหลายพื้นที่เสื่อมโทรม ขณะนี้เข้าสู่ภาวะปกติ อุณหภูมิน้ำทะเลเกือบทุกที่ไม่มีที่ใดสูงเกิน 30 องศาเซลเซียส ส่วนสถิติการตายของทะเลหายากก็ลดลง เหตุเพราะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบโซเชียลมากขึ้น อีกทั้งเวลานี้ ทช.ได้มีการตั้งโรงพยาบาลช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากถึง 5 แห่งในพื้นที่ที่พบสัตว์ทะเลหายากเป็นประจำ ได้แก่ จ.ระยอง สมุทรสาคร ชุมพร สงขลา และภูเก็ต
ขอบคุณภาพประกอบ : pixarbay