วันที่ 7 มี.ค. กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แถลงถึงเหตุการณ์การชุมนุมบริเวณหน้าแยกลาดพร้าวถึงหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. และพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.
‘วอยซ์’ เก็บประเด็นสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงสรุปดังต่อไปนี้
1. การชุมนุมมีลักษณะการรวมกลุ่มของ REDEM กับกลุ่มราษฎร เริ่มจากบริเวณห้าแยกลาดพร้าวและเดินขบวนไปที่หน้าศาลอาญา ขณะที่กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 เริ่มจากบริเวณโลตัสรังสิต เดินขบวนไปกรมทหารราบที่ 11 และมวลชนกลุ่มเดินทะลุฟ้าเดินจากตลาดเซียร์ รังสิต ไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนกลุ่มอาชีวศึกษาปกป้องสถาบัน นัดทำกิจกรรมกันบริเวณแยกราชประสงค์
2. ส่วนกลุ่มวีโว่ นำโดยโตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ ฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่ามีการนัดรวมตัวกันบริเวณลานจอดรถชั้น 5 ที่เมเจอร์ รัชโยธิน และมีการเตรียมอาวุธมา จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ดังกล่าว จึงพบว่ากลุ่มวีโว่มีวัตถุประสงค์ในการก่อความวุ่นวายในการชุมนุม
3. จากการตรวจสอบพบปิยรัฐกับพวก พร้อมกระเป๋าเป้บรรจุหนังสติ๊ก 15 อัน หัวน็อต 50 ชิ้น ลูกแก้ว 300 ลูก ระเบิดควัน 30 ลูก ถุงน้ำปลาร้า 30 ถุง หมวกกันกระแทก 13 ใบ เสื้อเกราะ 37 ตัว ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน ค้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงยึดไว้เป็นของกลางและนำตัวปิยรัฐกับพวกขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา แบ่งเป็น 3 คัน เพื่อนำส่งตัวที่ ตชด.ภ.1
4. ระหว่างที่รถผู้ต้องหาออกจากห้างเมเจอร์รัชโยธิน ได้พบผู้ชุมนุมบางส่วนเข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ มีการพังประตูรถด้านหลัง ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย มีรถควบคุมผู้ต้องหาเสียหาย 3 คัน รถกระบะเสียหาย 1 คัน รถบรรทุกเสียหาย 2 คัน รถบัสเสียหาย 3 คัน
5. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีได้ 18 คน และนำส่งตชด.ภ.1 โดยดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” ข้อหา “ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ” และข้อหา “ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร”
6. ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปบางส่วนได้เข้ามอบตัวที่ สน.พหลโยธิน 27 คน อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดในส่วนให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ทำลายทรัพย์สินราชการ และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
7. ส่วนกรณีผู้ชุมนุมนำแผ่นป้ายข้อความไปติดตั้งบนรั้วศาลอาญานั้น เจ้าหน้าที่จะประสานกับศาล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานไว้ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต่อไป
ด้าน ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมาย (iLaw) ตั้งข้อสังเกตต่อปฏิบัติการของตำรวจเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ผ่านเฟซบุ๊ก Yingcheep Atchanont ว่า ตำรวจพร้อมอาวุธปืนครบมือแต่งตัวเต็มคล้ายหน่วย swat บุกจับกลุ่ม wevo ที่ลานจอดรถห้าง 46 คน ไม่บอกว่าข้อหาอะไร แยกไปบนรถ 3 คัน
“ตอนรถควบคุมผู้ต้องขังวิ่งออกมามีกลุ่มคนเข้าทำร้ายรถ ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้างเพราะกลุ่ม wevo อยู่ในรถหมดแล้ว
“รถ 1 เอาโตโต้ไป ตชด.ภาค 1 อีกสองคันออกมาแยกรัชโยธิน รถ 2 เลี้ยวขวาเข้าสน.พหลโยธิน จบ รถ 3 ตรงต่อเข้าถ.รัชดา มุ่งหน้าทางผู้ชุมนุม รถ 3 ถูกมอเตอร์ไซค์ขัดขวาง มีคนตีกระจกรถแตก ชุดหน่วย swat หายไปไหนไม่รู้ ไม่มีใครดูแลรถ
“รถ 3 หยุด ตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนกระโดดหนีวิ่งเข้าไปในราชภัฎจันทร์เกษม คนที่ตีกระจกวิ่งไล่ตามจะตีตำรวจ หายเข้าไปหมด รปภ.ปิดประตู ไม่ทราบชะตากรรม
“ผู้ต้องขัง 14 คนยังอยู่บนรถ ไม่ลงมา เพราะไม่อยากถูกข้อหาหลบหนี พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่ทุบรถ มีคนส่งข้าวส่งน้ำเข้าไปให้
“รออยู่กลางถนนรัชดา 2 ชั่วโมงกว่า ไม่มีตำรวจมาเอาตัว เพราะกำลังตำรวจไปปกป้องศาล กับสน.พหลโยธิน ไม่ยอมมารับตัว ก็นั่งรอกันอยู่นั่น
“สามทุ่มทนายมาบอก งั้นเดินไป สน.เลย ทุกคนเดินจับไหล่กันไปถึง สน.พหลโยธิน ไปถึงก็เจอคนจากรถ 2 อีก 14 คนรออยู่ครบ ตำรวจบอกไม่รู้พวกนี้ถูกจับเรื่องอะไร แล้วมาทำอะไร ลงบันทึกประจำวัน กลับบ้าน
“สรุป ไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหา เขาไม่ได้พยายามหนี และเขาไม่มีข้อหา มีคนตีรถ ยังไม่รู้เป็นใครคนตีรถ ตีตำรวจ ควรถูกจับมาดำเนินคดี นี่เป็นความวุ่นวายจากการปฏิบัติหน้าที่แปลกๆ ของตำรวจ” ยิ่งชีพ ระบุ