วันที่ 2 ก.ย. 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องวันที่สาม ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.โดยมี ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
โดย จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า กรมควบคุมโรคได้ขออนุมัติการซื้อวัคซีน เมื่อ ก.ค. 2564 จำนวน 10.9 ล้านโดสราคา 17 เหรียญต่อโดส เมื่องบไม่พอต้องใช้งบกลาง โดยคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้อนุมัติให้ซื้อได้แต่ต้องซื้อยี่ห้ออื่นควบคู่ไปด้วยไม่ใช่ซื้อเพียงยี่ห้อเดียว แต่อยู่ดีๆ มติ ครม.ให้ซื้อวัคซีนซิโนแวคทั้งหมด ทำผิดโดยไม่ทำตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ แสดงให้เห็นว่าส่อไปในทางทุจริต โดยหนังสือพิมพ์ของสหรัฐฯ อย่างวอชิงตันโพสต์ได้เผยแพร่ข่าวบริษัทซิโนแวคเพราะมีติดสินบน การไม่ซื้อยี่ห้อเพราะไม่มีเงินทอนใช่หรือไม่ และทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมไม่ซื้อยี่ห้ออื่น อีกทั้งมติ ครม. 6 ก.ค. 2564 ก็มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าแล้ว โดยประเทศสิงคโปร์ก็ประกาศไม่นับคนฉีดวัคซีนซิโนแวคในระบบ และมาเลเซียได้ไปพึ่งวัคซีน mRNA
"ประเทศจีนยังไม่มั่นใจสั่งซิโนแวค แล้วทำไมท่านยังซื้อซิโนแวคเข้ามาอีก ทั้งที่ประเทศไทยมีสายพันธุ์เดลต้าตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64" จิราพรระบุและว่า "ท่านไม่ต้องมาด่าฝ่ายค้านว่าด้อยค่าวัคซีนซิโนแวคสุดรัก สุดหวงของท่าน ท่านต่างหากที่ต้องการด้อยค่าคนไทยด้วยการไม่ซื้อวัคซีนหลากหลาย ไม่เพียงพอ ไม่มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่ให้กับประชาชน ถ้าบอกฝ่ายปฏิบัติเจรจาได้ราคาถูกกว่าก็ไม่จริง แต่ก็ยังมีส่วนต่างกับวงเงินที่อนุมัติไปที่คนสงสัย" จิราพร ระบุ
ทวงหลักฐานจัดซื้อ 'ซิโนแวค' แพงมีส่วนต่าง 1.6 พันล้าน สงสัยเป็นเงินทอน
จิราพร ระบุว่า อีกทั้ง การซื้อในล็อตหลังๆ ราคาซื้อขายวัคซีนซิโนแวคเริ่มลดลงในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยยึดราคาตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข แต่ ครม.ยังยืนยันมติจัดซื้อในราคา 17 เหรียญสหรัฐฯทุกครั้ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ประชาชนสงสัยได้อย่างไรเรื่องส่วนต่างการจัดซื้อวัคซีน ตนไม่เชื่อว่าซื้อตามราคาจริงที่ถูกลง แต่ท่านซื้อซิโนแวค 17 เหรียญสหรัฐฯ ทุกครั้ง โดยราคาตาม ครม.อนุมัติ 5,562 ล้านบาท แต่ราคาที่จัดซื้อจริง 3,959ล้านบาท ส่วนต่างราคา 1,603 ล้านบาท เงินจำนวน 1,603 ล้านบาท ทำให้คนสงสัยว่าเป็นเงินทอน และจะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรว่าว่าจงใจให้มีส่วนต่างเพื่อเงินทอน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ และอนุทินยังไม่ได้ตอบเรื่องนี้กับสภาฯ อย่างชัดเจน
"พล.อ.ประยุทธ์ถามใจตัวเองเป็นเงินท่านจะซื้อหรือเปล่า ท่าน รมว.สาธารณสุขต้องทำให้คนมั่นใจว่าการซื้อขายโปร่งใส อย่าทำให้คนรู้สึกว่า ท่าน (อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ) เกิดที่ซิโน-ไทย แต่ไปเติบใหญ่ที่ซิโนแวค" จิราพร ระบุ
จิราพร ระบุว่า ที่สำคัญเมื่อเทียบราคาที่ไทยกับต่างประเทศที่ซื้อวัคซีนซิโนแวค เป็นราคาที่ไม่รวมค่าบริการจัดการ โดยอินโดนีเซีย ซื้อในราคา 440 บาทต่อโดส อินเดียซื้อในราคา 439 บาทต่อโดส ฟิลิปปินส์ ซื้อราคา 426 บาทต่อโดส แต่ไทยซื้อในราคา 542.5 บาทต่อโดส ซื้อราคานี้เป็นราคาปรากฏในมติ ครม. ทำไมต้องจ่ายแพงกว่าประเทศอื่นกว่า 100 บาท ทำให้มีส่วนต่างจ่ายแพงกว่าประเทศอื่น 2พันล้านบาท ไทยไม่ได้เข้าร่วมโคแวกซ์ เพราะซื้อโดยตรงกับบริษัทจะถูกกว่า แต่ซื้อเองยังแพงกว่าประเทศอื่น ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องนำหลักฐานมาชี้แจง โดยขอให้นำหลักฐานการจ่ายเงิน ระหว่างกรมควบคุมโรค ไปยังองค์การเภสัชกรรม และต้องนำหลักฐานการโอนเงินระหว่าง องค์การเภสัชกรรมไปยังบริษัทซิโนแวค ทุกครั้งที่สั่งซื้อมาแสดงต่อสภาฯ ให้หมด
"ถ้าท่านจะโต้แย้งก็ต้องนำหลักฐานการจ่ายเงินทุกครั้งมาแสดงต่อสภา มาแสดงด้วยใบสั่งซื้อครั้งเดียวไม่ได้ เพราะการสั่งซื้อเป็นงบประมาณภาษีประชาชน ดังนนั้นไม่ใช่สัญญาระหว่างประเทศ แต่เป็นการดำเนินงานของรัฐภายในประเทศเอง ทำไมจะเปิดเผยไม่ได้ เงินที่เหลือนำคืนงบประมาณแผ่นดิน แบบนี้ตอบง่ายเกินไป ถ้าท่านยืนยันไม่มีเงินทอนส่วนต่างเข้ากระเป๋าใคร ท่านต้องนำรายละเอียดการโอนเงินของกรมควบคุมโรคและองค์การเภสัชกรรมมาแสดงให้หมด ไม่อย่างนั้นไม่มีใครเชื่อท่าน"
บี้ไม่ร่วมโคแวกซ์ตอนแรก ผูกขาดซื้อวัคซีน
จิราพร ระบุว่า ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยท อภิปรายว่ามีการจ่ายภาษี จึงเป็นสัญญาระหว่างเอกชนและเอชน ถ้าเป็นจีทูจีจะไม่มีการชำระภาษีแน่นอน ที่อนุทิน ตอบคำถามเมื่อ 31 ส.ค. เป็นการซื้อขายจีทูจี ก็ยังไม่ทำให้หายสงสัยได้ ดังนั้นต้องนำหลักฐานมาแสดงต่อสภาฯ วันนี้เจ้าของภาษีอยากรู้ว่าได้ส่วนต่าง ได้เงินทอนจริงหรือไม่ อีกทั้ง เมื่อ 31 ส.ค. 2564 อนุทินบอกว่าต่อให้ซื้อวัคซีนที่แพงเยอะกว่านี้ เท่าไรก็ต้องทำ แต่ฟังดูดี ทำไมเข้าโคแวกซ์กลับบอกว่าจ่ายแพง สู้ไปเจรจาซื้อบริษัทโดยตรงดีกว่า สุุดท้ายไทยเป็นชาติเดียวในอาเซียนที่ตกขบวนมาอาเซียน
จิราพร อภิปรายผู้นำประเทศอื่นห่วงประชาชนจะทำทุกวิถีทางให้ประชาชนฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด ท่านไม่เข้าร่วมโคแวกซ์แล้วยังผูกขาดการซื้อวัคซีน กว่าขยับซื้อชนิดอื่นสถานการณ์ก็ไปไกลแล้ว การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลักสะท้อนว่า ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถไม่ระมัดระวังรอบคอบตามญัตติของผู้นำฝ่ายค้านฯ แสดงให้เห็นว่าประเมินผิดพลาดมหันต์ ทำไมกล้าฝากความหวังแบบแทงม้าตัวเดียว
ภท.-เพื่อไทย ประท้วงนัวปมก่อกวน -องครักษ์อนุทิน
โดยระหว่างที่ จิราพร ได้อภิปรายโจมตีการจัดซื้อวัคซีนและการเข้าร่วมโคแวกซ์นั้น ทำให้ ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ประท้วง จิราพร โดยระบุว่ามีผู้อื่นได้อภิปรายไปแล้วที่ผู้นำได้อภิปรายไปแล้ว ตนคิดว่าถ้าไปเนื้อหาอื่นจะไม่เป็นไร แต่ก็ยังซ้ำประเด็นเรื่องโคแวกซ์ จะทำให้เสียเวลาและขอให้อภิปรายเรื่องนี้ โดยรัฐมนตรีก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ตนเห็นว่าไม่ชอบด้วยการอภิปราย
ขณะที่ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงประธานว่า ท่านจะต้องหยุดให้ผู้คอยประท้วงเป็นองครักษ์พิทักษ์ อนุทิน โดยการอภิปรายของจิราพรคือตอกย้ำความผิดหวัง การประท้วงของศุภชัยก่อกวน กวนประสาทไม่ให้ จิราพรมีสมาธิ
โดย ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม วินิจฉัยว่าไม่ผิดข้อบังคับการประชุม และให้จิราพรและขอให้อภิปรายประเด็นอื่น พร้อมย้ำว่า ประธานต้องใช้สิทธิสมาชิกที่ยกมือใช้สิทธิประท้วงแล้วชี้แจง ซึ่งตนก็ให้สิทธิ ธีรรัตน์ได้ชี้แจงเช่นกันเมื่อยกมือประท้วง แต่การวินิจฉัยเป็นของประธาน
จากนั้น ศุภชัย ใจสมุทร ขอให้ ธีรรัตน์ถอนคำพูด ตนจะเป็นองครักษ์ของใครไม่เกี่ยว แต่ตนเป็น ส.ส.มีสิทธิ และที่บอกว่าตอกย้ำก็ได้ตอกย้ำในสิ่งที่คนอื่นพูดมาแล้ว ดังนั้นต้องถอนคำพูด
ธีรรัตน์ระบุว่ายินดีจะถอนคำพูดถ้าหยุดประท้วง โดย ประธานวินิจฉัยว่าธีรรัตน์เป็นการก่อกวนนั้นและขอให้ธีรรัตน์ถอนคำพูด ทั้งนี้ ธีรรัตน์ ยอมถอนคำพูดและขอให้ ศุภชัยได้เลิกก่อกวน
จวกซื้อ ATK โกหกกลางสภา คนสงสัยกดเงินโครงการจัดซื้อชุดตรวจ
จากนั้น จิราพร ระบุว่า รัฐบาลบอกไม่ได้แทงม้าตัวเดียว แต่นำงบประมาณไปให้กับ 9 บริษัทได้วิจัยและพัฒนาวัคซีน ประเด็นนี้ขอถามว่าการวิจัยก้าวหน้าถึงไหนแล้ว เพราะการค้นเอกสารพบว่ารัฐบาลใช้งบกว่า 2,800 ล้านบาทสนับสนุน 9 บริษัทรวมถึงบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนภายใต้ชื่อโครงการเตรียมความพร้อมการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่พล.อ.ประยุทธ์ให้ทุนกับบริษัทเหล่านี้กลับเลื่อนการจัดส่งวัคซีน จึงสงสัยว่าวัคซีนจะเต็มแขนคนไทยเมื่อไร ทุกวันนี้อย่าได้ฉีดวัคซีน ขอให้ไม่เป็นประเทศสุดท้ายของโลกในการฉีดวัคซีนก็พอแล้ว ดังนั้นต้องทำรายงานการรับทุนมาแสดงต่อสภาฯ
จิราพร อภิปรายด้วยว่าการจัดซื้อชุดตรวจเอทีเค จำนวน 8.5 ล้านชุด ระวังประชาชนสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เห็นคำว่า ATK เป็นเอทีเอ็ม ATK ใช้แยงจมูก แต่ท่านมองเป็นเอทีเอ็ม คนอาจมองว่าท่านกดเงินจากโครงการนี้หรือไม่ เพราะสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงต่อสภาฯ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อประเด็น ATK นั้นคือการโกหกกลางสภาฯ
ท้านายกฯ ลาออกรับผิดชอบคำโกหก ล้มโต๊ะประมูล เปลี่ยนข้อสั่งการไม่ต้องผ่าน WHO
"ท่านเคยพูดว่าไม่เคยพูดให้ซื้อ ATK ผ่านการรับรองจาก WHO ถ้าไม่รู้จะมีข้อสั่งการให้ซื้อ ATK ผ่าน WHO ซึ่งเป็นการล้มโต๊ะประมูล และต่อมาเปลี่ยนให้ไม่ต้องผ่านการรับรอง แสดงให้เห็นว่าคำพูดของนายกฯ เอาแน่ไม่ได้ วันนี้ดิฉันหาหลักฐานที่่ท่านเคยสั่งการให้ซื้อ ATK โดยการรับรองจาก WHO ดังนั้น ท่านกล้าลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบกับคำพูดของตนเองหรือไม่"
ในช่วงท้าย จิราพรได้ฉายสไลด์แสดงเอกสารเป็นสรุปรายงานการประชุมของ ศบค. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2564 เวลา 13.30 น. ประชุมผ่านระบบทางไกล พบข้อสั่งการข้อ6 ระบุว่า การจัดหาชุดตรวจ ATK ต้องผ่านการรับรองจาก อย. และได้การรับรองจากองค์กรอนามัยโลก และเร่งจัดหาให้ทัน และต้องส่งมอบให้ทันตามกำหนด ดังนั้น สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนข้อสั่งการของตนเองถือว่าเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง รวมถึงสะท้อนว่าข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีนั้นคือ วาทกรรม ไร้น้ำยา
เมินเงิิน 3เดือน ขอให้นายกฯหายไปแทน ซัดเตาศพไม่ควรพังแต่รัฐบาลควรไป
จิราพร อภิปรายด้วยว่า ข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ มีมากกว่า 200 ฉบับ แต่แม้สั่งการแล้ว การทำงานยังล้มเหลว เศรษฐกิจพังพินาศ ส่อเข้าสู่รัฐล้มเหลว ทั้งนี้เมื่อ พ.ย. 2563 มีหนังสือจากกระทรวงสาธารณสุขประเมินความเสียหายจากวิกฤตโควิด อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท นี่คือใบเสร็จแสดงความเสียหายที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบ
“ขอให้ท่านเอาเงินเดือน3 เดือนคืนไป และขอให้หายไปจากประเทศไทย 3 เดือน เพื่อให้รู้ว่าการหายไปนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดกับประเทศและประชาชน ยุคนี้ถือว่าสัปเหร่อทำงานหนักยิ่งกว่านายกฯ พล.อ.ประยุทธ์เวิร์กฟรอมโฮม ปิดทองหลังพระ แต่พระต้องมาใส่ชุดพีพีอี ใส่หน้ากาก ช่วยเหลือประชาชน ทุกอย่างกลับตาลปัตร ประชาชนต้องรอเตียง มีการเผาศพจนเตาพัง จริงๆเตาเผาศพต้องอยู่แต่รัฐบาลต้องไป ทั้งนี้ดิฉันขอไว้อาลัยให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากความล้มเหลวของรัฐบาลต่อการแก้ปัญหาโควิด ทั้งนี้คนที่ตายไม่ใช่จากโรคระบาด แต่คือ การตายจากความโง่ของผู้นำ” จิราพร อภิปราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง