ไม่พบผลการค้นหา
'รวมไทยสร้างชาติ-ประชาธิปัตย์' เสนอญัตติด่วน ทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัย 'ขบวนเสด็จฯ' ด้าน 'เอกนัฏ' ยกพระราชดำรัส ระงับโทสะผู้ก่อกวนขบวน

วันที่ 14 ก.พ. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 17 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง ที่มี ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม หลังวาระปรึกษาหารือ อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาทบทวนมาตรการอารักขาถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ให้มีความปลอดภัย เพื่อป้องปรามพฤติกรรมขัดขวางขบวนเสด็จอันก่อให้เกิดอันตราย หรือ เสื่อมเสียพระเกียรติยศ รวมถึงให้ทบทวนมาตรการในการดำเนินการกับคนที่มาก่อกวนขัดขวางขบวนเสด็จ 

เช่นเดียวกับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอญัตติในทำนองเดียวกันด้วย

จากนั้น เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.อบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้อภิปราย คนแรก โดยระบุว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่มีการรบกวนและก่อกวนขบวนเสด็จ สร้างความสะเทือนใจกับประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากไม่มีการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วนจะให้สถานการณ์บานปลาย กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และศีลธรรมอันดี จึงขอเสนอเป็นญัต

เอกนัฏ กล่าวเชิญ สส. ทุกท่านพิจารณาเหตุการณ์วันดังกล่าวว่า เพราะข้อเท็จจริงขบวนเสด็จไม่ได้ปิดกั้นการสัญจรของพี่น้องประชาชนบนถนนเส้นนั้นเลย แต่กลับมีกลุ่มเยาวชนเข้ามาก่อเหตุรบกวน ตนและสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติจึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก และเกือบจะรังเกียจพฤติกรรมดังกล่าว แต่ได้ลดความโทสะลดลง เพราะนึกถึงพระราชราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวฯ ที่ทรงตรัสไว้ว่า "Thailand is the land of compromise, We love them all the same." คือประเทศไทยเป็นประเทศของการประนีประนอม จึงทำให้ตนสงบสติอารมณ์ลง และถอยลงมา

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากคลิปแล้ว จะเห็นได้ว่ามีเจตนาที่ไม่ดีและตั้งใจให้เกิดเหตุ จึงคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะออกมาดำเนินการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะออกมาดำเนินการอะไร ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกมาบังคับใช้กฎหมายทันที เพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ย้ำว่าเราไม่ได้ต้องการล่าแม่มด ประหารใคร หรือใช้ศาลเตี้ยมาวินิจฉัย เพราะไม่มีอะไรที่อยู่เหนือกฎหมาย อีกทั้ง การใช้สิทธิเสรีภาพก็มีกรอบชัดเจนว่าต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่น และต้องไม่กระทำความผิด วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้ทบทวนมาตรการต่างๆ และแผนการอารักขาความปลอดภัยของขบวนเสด็จ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างรอบด้าน และป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้ 

"เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่พิทักษ์สันติราชอยู่แล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลยให้ผู้ก่อเหตุกระทำการเหิมเกริมและบานปลาย สะท้อนว่าการปฏิงานของเจ้าหน้าที่ล่าช้าไปมาก ดังนั้นขอให้มีการฝึกซ้อมและอัพเดตแผนให้เท่าทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเรื่องขบวนเสด็จ และมีความแม่นยำเรื่องข้อกฎหมายร่วมด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิของประชาชน จึงขอให้รัฐบาลช่วยนำเรื่องนี้ไปทบทวนปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุการนี้กลายเป็นนำผึ้งหยดเดียว และนำไปสู่ความวุ่นวายหรือความขัดแย้ง เราประสงค์ให้บ้านเมืองสงบสุข ไม่อยากให้มีค่านิยมบั่นทอนสถาบัน ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศ" เอกนัฏ กล่าว