ไม่พบผลการค้นหา
อดีต ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างระบบ ICT ของรัฐสภาใหม่ ส่อฮั้วทุจริต หลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เอกชน 3 บริษัท ที่รัฐสภาว่าจ้างให้รับงาน พบความผิดปกติหลายประการ

​นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเสนอของบประมาณการติดตั้งเทคโนโลยีสารสนเทศของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วงเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมา 3,000 ล้านบาท เบื้องต้นจากการตรวจสอบใบเสนอราคาของบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมอร์ลินส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัท เครื่องเสียง จำกัด บริษัท ลีฟ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งรัฐสภาว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษ เพื่อติดตั้งระบบสารสนเทศของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พบว่าทั้ง 3 บริษัทมีพฤติกรรมส่อฮั้ว ทุจริต และทำเป็นขบวนการ

จึงได้ลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบ พบว่า ที่อยู่ตามที่แจ้งในใบเสนอราคาของบริษัท เมอร์ลินส์ฯ ไม่ตรงกับที่ตั้งจริง แต่เมื่อติดตามจนเจอ กลับพบว่า เป็นบริษัทขนาดเล็ก ตั้งอยู่ชั้น 27 ของอาคารว่องวานิช มีโต๊ะทำงานประมาณ 30 โต๊ะ และยังไม่แน่ชัดว่าประกอบกิจการอะไร 

ส่วน บริษัท เครื่องเสียง จำกัด ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอซีทีบริษัทเดียว กว่า 100 รายการ พบว่า นำเสนอรายการสินค้าที่เป็นสินค้าของบริษัทในเครือตัวเองที่ถึง 60 รายการ โดยไม่ได้สำรวจสินค้าจากบริษัทอื่นตามกระบวนการ และเมื่อตรวจสอบกับกระทรวงพาณิชย์ พบว่า จดเป็นทะเบียนเป็นบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องขยายเสียงและรับจ้างติดตั้งผลิตภัณฑ์เครื่องขยายเสียง มีทุนจดทะเบียนประมาณ 5.7 ล้านบาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายการสินค้าที่เสนอที่มีมูลค่านับพันล้านบาท 

ขณะที่ บริษัท ลีฟ พาวเวอร์ ซึ่งเป็นผู้เสนอรายการติดตั้งนาฬิการองรับระบบดาวเทียม รวม 205 เรือน โดยมีราคาตั้งแต่ 44,000 - 70,000 บาท พบว่า บริษัทมีลักษณะเป็นที่พักอาศัย บ้านเดี่ยวชั้นเดียว ปิดประตูเงียบ แม้จะเป็นวันทำงานปกติ เมื่อตรวจสืบเพิ่มพบยังพบว่า หน้าเว็บไซต์ของบริษัทฯ ระบุว่า จัดจำหน่ายโคมไฟแอลอีดีนำเข้าจากต่างประเทศ และไม่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นบริษัทนำเข้าหรือติดตั้งนาฬิกาโดยตรง แต่เป็นเพียงบริษัทจำหน่ายระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น

ขณะเดียวกันนายวิลาศ ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศของรัฐสภา ที่กำลังถูกวิพาร์กวิจารณ์ เนื่องจากไม่มีความเชี่ยวชาญด้าน ICT โดยตรง แต่ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงและสอบแข่งขันได้เป็นอันดับหนึ่ง กลับไม่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว รวมทั้งการแต่งตั้งมีขึ้นก่อนเสนองบประมาณเพียง 1 เดือน โดยไม่ได้มีการกลั่นกรองงบประมาณก่อน จึงมีความไม่ชอบมาพากลและไม่โปร่งใส 

พร้อมระบุ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องรับผิดชอบหากเกิดการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างนี้ และขอเรียกร้องให้ประธาน สนช. ตรวจสอบการเสนองบประมาณครั้งนี้ที่เกินไปจากความเป็นจริงกว่า 8,000 ล้านบาท ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ และควรทบทวนพร้อมเอาคนผิดมาลงโทษ