ไม่พบผลการค้นหา
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานตรึงราคาแอลพีจีครัวเรือนไม่เกินถังละ 363 บาทต่อไป ฟากร้านหาบเร่แผงลอยไม่เกิน 325 บาท ถึงสิ้นปี พร้อมปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล ชงสรรพสามิตลดภาษี B20 ใช้กลไกภาษี-เงินนำส่งกองทุนหวังตรึงราคาดีเซลไม่สูงเกิน 30 บาทต่อลิตร

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้พิจารณากลไกดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) สำหรับประชาชน และมีมติตรึงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ให้อยู่ระดับ 363 บาท ต่อถัง 15กิโลกรัม (กก.) ต่อไป รวมถึงต่ออายุโครงการลดราคาแอลพีจีให้แก่ผู้ประกอบการอาชีพขายอาหารขนาดเล็ก (หาบเร่ แผงลอย) โดยลดราคาจาก 363 บาทต่อถัง คงเหลือเป็น 325 บาทต่อถัง ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 โดยเทียบจากราคาแอลพีจีตลาดโลกที่เคลื่อนไหวระดับ 540 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ได้รับประโยชน์ ได้แก่ ครัวเรือนรายได้น้อย 7,569,867 ครัวเรือน ร้านค้าหาบเร่ 395,544 ร้าน หรือคิดเป็นเงินเดือนละ 49 ล้านบาท ซึ่ง ปตท. เป็นผู้ชดเชยส่วนต่างราคานี้

ปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

นอกจากนี้ กบง.ยังเห็นชอบแนวทางการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล โดยใช้กลไกปรับลดการชดเชยควบคู่กับการปรับลดค่าการตลาดสำหรับน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และแก๊สโซฮอล E85 รวมทั้งการลดชดเชยเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอลทั้งกลุ่ม (ทั้ง 5 ประเภท) ให้มีค่าใกล้เคียงศูนย์ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องแก่กองทุนฯ 

สำหรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ปรับใหม่เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน เป็น 6.68 บาท/ลิตร จากเดิม 6.31 บาท/ลิตร ,น้ำมันแก๊สซโซฮอล์ 95 E10 เป็น 0.72 บาท/ลิตร จากเดิม 0.35 บาท/ลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 E10 เป็น 0.72 บาท/ลิตร จากเดิม 0.35 บาท/ลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E20 เป็นชดเชย 2.63 บาท/ลิตร จากเดิมชดเชย 3 บาท/ลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 E85 เป็นชดเชย 8.98 บาท/ลิตร จากเดิมชดเชย 9.35 บาท/ลิตร

ชงสรรพสามิตลดภาษี B20 เหลือ 5.1523 บาท พร้อมเพิ่มภาษีดีเซลเป็น 5.9895 บาท

พร้อมกับมีมติสนับสนุนการผลิตและการใช้น้ำมันดีเซลที่มีสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลไม่เกินร้อยละ 20 (B20) ให้มีราคาต่ำ (ถูกกว่า B7 3 บาทต่อลิตร) เพื่อให้ช่วยลดภาระต้นทุนค่าบริการขนส่งและค่าโดยสารสาธารณะ จึงมีมติ���ห้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง พิจารณาลดอัตราเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล (B20) ลงเหลือ 5.1523 บาทต่อลิตร

อย่างไรก็ตาม เพื่อลดผลกระทบของการลดอัตราเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล (B20) ดังกล่าวข้างต้น ต่อรายรับของประเทศ จึงมีมติให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันดีเซล 0.14 บาทต่อลิตร เป็น 5.9895 บาทต่อลิตร และเพื่อไม่ให้ผู้ใช้น้ำมันดีเซลได้รับผลกระทบจากการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตข้างต้น จึงมีมติให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในอัตราประมาณ 0.14 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผลตั้งแต่คณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบ

ชู 3 แนวทางหนุนใช้ B20 -ลดชดเชยแก๊สโซฮอล E20 และ E85

อีกทั้ง ที่ประชุม กบง. ยังรับทราบตามที่กรมธุรกิจพลังงาน ได้เสนอแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล (B20) โดยจะจัดทำ 1. คำแนะนำในการบำรุงรักษารถยนต์ 2. รายชื่อรุ่นและยี่ห้อรถยนต์ที่สามารถใช้ได้ 3. รายชื่อผู้จำหน่ายและสถานที่ตั้งจุดจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 ซึ่งได้ชี้แจงแนวทางการดำเนินการแก่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และผู้ประกอบการรถบรรทุกขนาดใหญ่แล้ว เพื่อสร้างความรับรู้ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการว่าสามารถใช้น้ำมันดีเซล B20 อย่างไรถึงจะไม่กระทบต่อเครื่องยนต์

โดยเหตุผลสำคัญในการดำเนินการครั้งนี้ เพื่อหยุดการใช้เงินกองทุนในการชดเชยราคาแก๊สโซฮอล E20 และ E85 ซึ่งที่ผ่านมากองทุนยังมีการชดเชยอยู่ 341 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้เพื่อสำรองเงินคงเหลือสุทธิ 30,376 ล้านบาท ใช้กองทุนเพื่ออุดหนุนราคา B20 และรักษาเสถียรภาพราคาดีเซลให้อยู่ในระดับ 30 บาทต่อลิตร ตลอดปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :