ไม่พบผลการค้นหา
บอร์ด กสทช. เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 30 วัน ไม่เห็นด้วยคำวินิจฉัยศาลปกครองกลางบางประการ เหตุขัดหลักการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัญญาสัมปทานสู่ระบบใบอนุญาต ยืนยันการขยายโครงข่ายเป็นไปตามแผนที่กำหนด

พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ กสทช. ถึงกรณีศาลปกครองกลางตัดสินให้บริษัท ไทยทีวี ชนะคดี สามารถคืนใบอนุญาตประกอบกิจการได้ และ ให้กสทช. จ่ายเงินคืนกว่า 1,500 ล้านบาท  โดยระบุว่า บอร์ด กสทช. มีมติให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ใน 3 ประเด็น เนื่องจากไม่เห็นด้วยในข้อวินิจฉัยของศาลปกครองกลางบางประการ ได้แก่ ข้อวินิจฉัยที่ระบุว่า การออกใบอนุญาตในคดีนี้เป็นการอนุญาตให้ผู้ฟ้องคดี "เข้าร่วมการงาน" ในการจัดทำบริการสาธารณะแทนรัฐในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่อันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน นั้น

ทั้งนี้ คำว่า "การเข้าร่วมการงาน" หมายความว่า สัมปทาน คือ รัฐมีหน้าที่ดำเนินการแล้วให้เอกชนมาปฏิบัติหน้าที่นั้นแทน แต่ กสทช.เป็นหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนผ่านจากระบบสัญญาสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต แต่คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงขัดต่อเจตนารมณ์ของการจัดตั้ง กสทช.

ประเด็นที่ระบุว่า กสทช.ไม่ดำเนินการตามแผนแม่บทกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือการเปลี่ยนผ่านระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ ในระบบดิจิทัล และการขยายโครงข่ายเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนงานนั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมา กสทช. ดำเนินการขยายโครงข่ายตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการประมูลทีวีดิจิทัลทุกประการ

สำหรับ กรณีที่ระบุว่า กรมประชาสัมพันธ์ไม่ได้ดำเนินการติดตั้งและให้บริการโครงข่ายนั้น ได้มีการลงโทษแล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครองกลาง อีกทั้งกรณีนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากไม่มีผู้ประกอบกิจการการใช้บริการโครงข่ายของกรมประชาสัมพันธ์

ส่วนเรื่องการแจกคูปองล่าช้า 6 เดือนนั้น เป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถดำเนินการแจกคูปองให้ประชาชนนำเครื่องรับสัญญาณไปก่อนที่จะมีการขยายโครงข่าย แต่เมื่อมีการขยายโครงข่ายแล้ว ได้มีการแจกคูปองให้ประชาชนตามปกติ ในระยะเวลา 6 เดือน

อีกประเด็นสำคัญที่ศาลไม่ได้วินิจฉัย คือ ตาม พ.ร.บ.องค์กรกำกับดูแล มาตรา 42 ได้กำหนดว่า เงินที่ได้รับจากการประมูลเป็นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ซึ่งต้องชำระเมื่อได้รับใบอนุญาต ดังนั้น ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ แต่ที่มีการแบ่งชำระเป็นงวดๆ นั้น เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเท่านั้น

"กสทช. มีความจำเป็นที่จะต้องยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากมีบางประการที่ขัดกับหลักการใหญ่ของการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัญญาสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาตเพื่อให้เกิดการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม และมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง กสทช.เป็นองค์กรกำกับดูแลเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติ หรือผู้ที่มีหน้าที่ให้บริการ" พ.อ.นที กล่าว

สำหรับประเด็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการกิจการทีวีดิจิทัลนั้น พ.อ.นที กล่าวว่า บริการโทรทัศน์ ถือเป็นบริการสาธารณะที่เอกชนมาให้บริการกับประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่ออุตสาหกรรมเกิดปัญหา หน่วยงานรัฐควรเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน โดยมองผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ และเป็นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมโดยรวม 

อ่านเพิ่มเติม