นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นบัญชีรายชื่อนายกฯ ลำดับที่ 1 ของพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเหมาะสมอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไปหรือไม่ ว่า วันนี้ต้องไม่พูดเรื่องข้อกฎหมายแล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ เอง หากจะอาสาเป็นผู้นำทางการเมือง และต้องการให้ตัวเองมีความสง่างามในสายตาของนานาชาติ และประชาชน ต้องเป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่คำนึงถึงวัฒนธรรมการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ต้องเคารพในจริยธรรมที่ควรจะมี
“เรื่องนี้ไม่ต้องให้ใครบอก ผู้นำระดับสูงต้องคำนึงถึงจิตสำนึก ไม่ต้องให้ใครมาเรียกร้อง หรือรักษามารยาท และควรแสดงสปิริตอย่างที่คนอื่นเขาทำกัน” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะใช้บัตรเลือกตั้งโดยมีแต่เบอร์ผู้สมัคร แต่ไม่มีโลโก้พรรคการเมืองด้วยว่า ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับการเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้งไม่สมควรทำให้ทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือตั้งข้อสงสัยถึงกระบวนการไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยจะพยายามส่งผู้สมัครลงให้ได้ครบ 350 เขตทั่วประเทศ
"เรากังวลใจในการใช้กลไกรัฐเอื้อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาล เราเชื่อในอำนาจประชาชนว่ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลง อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากเพื่อคืนความเป็นธรรม"
สำหรับการเปิดเผยรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ นายภูมิธรรม ระบุว่า ถ้าถึงเวลาปลดล็อกพรรคการเมืองพรรค คงสามารถประกาศข้อสรุปได้
'เฉลิม' จวก 4 รัฐมนตรีไร้สำนึก บี้ลาออก ปูดมีอีแอบอยู่เบื้องหลังเชิด 4 รัฐมนตรี
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า อดีต ส.ส.ของพรรคที่ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จะไปแต่ตัว แต่ไม่มีคะแนนเสียง และแม้พรรคพลังประชารัฐ จะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่สำคัญ เพราะประชาชนเห็นฝีมืออยู่แล้ว ว่าคนๆ นั้นเปรียบเหมือนลิเก รู้อยู่แล้วว่าจะเล่นบทไหน ตอนไหน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสนองความต้องการของประชาชนได้
ส่วนการที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะเป็นผู้นำทีมหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐนั้น ร.ต.อ.เฉลิม เชื่อว่า บุคคลทั้งสองจะไม่เป็นที่ยอมรับจากประชาชน เพราะแม้แต่ช่วงที่เป็น ส.ส.อยู่ในรัฐสภา ก็ไม่เคยแม้กระทั่งยกมือปราศัยหรืออภิปราย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับ 4 รัฐมนตรีของรัฐบาล ที่เป็นแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ แม้ทางกฎหมายจะไม่จำเป็นต้องลาออก แต่ก็ต้องมีจิตสำนึกทางการเมืองที่จะตัดสินใจลาออก อย่างไรก็ตาม นอกจาก 4 รัฐมนตรีแล้ว ยังพบว่ามีอีกคนที่เป็น"อีแอบ" ใช้ให้ 4 รัฐมนตรีออกหน้า ทำทุกวิธีทาง เพื่อเอาเปรียบทุกขั้นตอนในการเลือกตั้งครั้งนี้