พื้นที่ปลูกยางพาราของนายเสกสรร ชูเขียว เกษตรกรในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา 11 ไร่ ได้ถูกปรับลดแล้วหันมาปลูกไร่มัลเบอร์รี่ 1 ไร่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ดี นอกจากนี้ได้ใช้พื้นที่ว่างในสวนยาง ปลูกพืชอีกหลายชนิด เช่น ปาล์ม มะพร้าว หน่อไม้ พืชผักสวนครัว และเลี้ยงผึ้ง
นายเสกสรร กล่าวว่า ได้ใช้แนวคิด กินทุกอย่างที่ปลูก ปลูกทุกอย่างที่กิน ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เขาไม่เดือดร้อนจากปัญหาราคายางพาราที่ตกในขณะนี้ เพราะมีรายได้จากการปรับเปลี่ยนมาปูลกพืชผัก-ผลไม้ ทำให้มีรายได้เพิ่มเฉลี่ย วันละ 1,000 บาท
ด้านนายปรีชา สุขเกษม เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดสงขลา กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล แต่ควรเปิดเวทีเสวนาวิกฤตยางพารา เชิญผู้มีความรู้จากทุกภาคส่วนมาร่วมหาทางแก้ปัญหา เช่น จะลดพื้นที่ปลูกในสัดส่วนเท่าไร และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชทดแทน���นิดใดบ้าง โดยเน้นทำให้ครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก ไปจนถึงตลาดรับซื้อ เพื่อเกษตรกรจะได้มั่นใจในการแก้ปัญหา
ล่าสุดทางสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดสงขลา เตรียมเข้ายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอแนวคิดดังกล่าวใช้แก้ปัญหาราคายางพาราตก พร้อมเสนอให้จังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่นำร่อง หากประสบผลสำเร็จ จึงส่งเสริมให้เกษตรกรทั่วประเทศดำเนินการตาม
รายงานโดย : นพดล ตันดิลก