ไม่พบผลการค้นหา
ร้านกาแฟแฟรนไชส์ชื่อดัง 'สตาร์บัคส์' เตรียมเปิดสาขาใหม่ในเขตอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีของสหรัฐฯ แต่ถูกประชาชนต่อต้าน และมีการลงชื่อคัดค้านรวมกว่า 20,000 คนแล้ว

เว็บไซต์ทราเวลแอนด์เลสเชอร์ สื่อด้านการท่องเที่ยวและสันทนาการ รายงานว่ากระแสคัดค้านการเปิดร้านสตาร์บัคส์ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเว็บไซต์จัดหางานในรัฐแคลิฟอร์เนียเผยแพร่ประกาศรับสมัครผู้จัดการและพนักงานที่จะไปประจำร้านสตาร์บัคส์สาขาโยเซมิตี โดยระบุว่ามีกำหนดเปิดให้บริการช่วงฤดูใบไม้ผลิของสหรัฐฯ ในปีนี้ 

เพียงไม่นานหลังจากเผยแพร่ประกาศรับสมัคร ประชาชนในรัฐแคลิฟอร์เนียและที่อื่นๆ ได้ร่วมกันเรียกร้องให้สตาร์บัคส์ยกเลิกแผนการดังกล่าว โดยผู้ใช้นามแฝงว่าประชาชนผู้ใส่ใจ (Concerned Citizen) รณรงค์ให้ผู้คัดค้านแผนดังกล่าวลงชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org ซึ่งเป็นสื่อกลางการเคลื่อนไหวทางสังคมออนไลน์ และมีผู้ร่วมลงชื่อ 22,565 คน

ขณะที่บริษัทอารามาร์ค คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการด้านการอำนวยความสะดวกต่างๆ ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างร้านอาหารและบริการด้านความสะดวกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ออกแถลงการณ์ว่าร้านสตาร์บัคส์จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโยเซมิตี แวลลีย์ ลอดจ์ ซึ่งได้รับสัมปทานให้ดำเนินกิจการในเขตอุทยานแห่งชาติโยเซมิตีตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยสัญญาเช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจจะครอบคลุมระยะเวลา 15 ปี และยืนยันว่าสตาร์บัคส์เป็นบริษัทที่มีนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติมาโดยตลอด

อารามาร์คระบุด้วยว่า โครงการโยเซมิตี แวลลีย์ ลอดจ์ จะเพิ่มบริการด้านต่างๆ แก่นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และโครงการนี้รวมถึงร้านอาหารและเครื่องดื่ม แต่เป้าหมายหลักคือการวางระบบโครงสร้างที่จะรองรับการจราจรในพื้นที่ซึ่งจะแออัดมากขึ้น รวมถึงการจัดสรรระบบไฟฟ้าและน้ำประปาสำหรับอุปโภคบริโภค โดยจะมุ่งเน้นระบบประหยัดพลังงานที่ไม่ทำลายหรือส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม

000_C34ON.jpg

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ทรีฮักเกอร์ซึ่งเป็นสื่อด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ระบุว่าการตั้งร้านสตาร์บัคส์ในเขตอุทยานแห่งชาติจะทำให้เกิดขยะเพิมขึ้นอย่างไม่มีทางเลี่ยง แม้ว่าบริษัทจะพยายามพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของการเป็นธุรกิจที่รักสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด แต่ก็มักจะมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่าข้อปฏิบัติที่เกิดขึ้นจริงในการทำธุรกิจสตาร์บัคส์ไม่สอดคล้องกับนโยบายที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ 

ทรีฮักเกอร์ยกตัวอย่างรายงานของโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Stand.Earth ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว พบว่าแก้วกระดาษที่สตาร์บัคส์ใช้เสิร์ฟลูกค้าซึ่งต้องการนำเครื่องดื่มออกนอกร้าน เป็นกระดาษที่มีส่วนผสมของพลาสติกสังเคราะห์ ช่วยให้แก้วทนความร้อนและมีต้นทุนต่ำ แต่แก้วกระดาษเหล่านี้ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้

รายงานสรุปว่า สตาร์บัคส์ต้องใช้แก้วกระดาษแบบครั้งเดียวทิ้งจำนวนกว่า 4,000 ล้านแก้วต่อปี เทียบเท่ากับต้นไม้ประมาณ 1 ล้านต้นที่ต้องถูกตัดทิ้งเพื่อนำไปใช้ผลิตกระดาษ

ส่วนผู้ร่วมลงชื่อคัดค้านสตาร์บัคส์ระบุว่าจะรวบรวมรายชื่อให้ได้ถึง 25,000 รายชื่อ และจะนำไปยื่นเสนอต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาประจำรัฐ แต่หลังจากที่มีข่าวว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยรวมตัวคัดค้านสตาร์บัคส์ เว็บไซต์รับสมัครงานก็ถอนประกาศที่ระบุถึงตำแหน่งงานที่ร้านสตาร์บัคส์สาขาโยเซมิตีออกไปทันที

อ่านเพิ่มเติม: