อาชญากรรม
‘สุพจน์’ คุก 10 เดือน สัญญาณเตือน ‘ข้าราชการ-นักการเมือง’ อย่าขี้โกง
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้สั่งจำคุกนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นเวลา 10 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และห้ามดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 5 ปี ฐานยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
คดีนี้สืบเนื่องจากนายสุพจน์ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติเมื่อปี 2555 และข้อกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ จากเหตุการณ์คนร้ายบุกปล้นบ้านพักในซอยลาดพร้าว 64 เมื่อค่ำวันที่ 12 พ.ย. 2554 ซึ่งคนร้ายให้การว่า พบเงินสดในบ้านนายสุพจน์นับร้อยล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินบางส่วนได้
กระบวนการยุติธรรมดังกล่าวถือเป็นบทเรียนชั้นดีให้กับข้าราชการ นักการเมือง รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นกระบวนการตรวจสอบและการทำงานของ ป.ป.ช.ในคดีลักษณะนี้
ข้าราชการคอร์รัปชัน ปัญหารุนแรงในไทย
มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ชี้ว่าคำตัดสินคดีนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าคอร์รัปชันในระบบราชการมีอยู่จริงและเป็นปัญหาที่รุนแรงในประเทศไทย แม้จะมีการปฏิรูประบบราชการเป็นระยะจนคิดว่าสามารถวางใจในตัวระบบได้ แต่ไม่ควรวางใจในตัวบุคคลมากเกินจน
“ถึงจะเชื่อว่าบุคคลเป็นคนดี แต่เขาอาจจะถูกโน้มน้าวล่อลวงด้วยผลประโยชน์หรือกดดันจากผู้มีอำนาจที่ใหญ่กว่าเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้นจำเป็นต้องปิดกั้นเงื่อนไขที่จะทำให้เขาโกง เช่น ลดการใช้อำนาจหรือดุลยพินิจ หากจำเป็นต้องใช้ ควรเป็นเรื่องของคณะกรรมการหรือบุคคลมากกว่า 1 คน และทุกครั้งที่มีการใช้ดุลยพินิจจะต้องถูกตรวจสอบได้”
เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เปิดเผยว่า รายงานจากหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในระดับสากลเมื่อปี 2560 พบว่า ประเทศไทยไม่ผ่านการประเมิน ยังมีปัญหาและล้มเหลวในการปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนทุจริตยังสามารถซุกซ่อนหรือฟอกเงินแล้วนำมาใช้สร้างความร่ำรวย ความสุขให้กับตัวเองและคนในครอบครัวได้
(มานะ นิมิตรมงคล)
ขณะที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เจ้าของฉายา 'นักร้องเรียน' เบอร์หนึ่งของไทย แนะนำให้นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงเอาคดีของนายสุพจน์เป็นบทเรียน และตระหนักถึงผลของการกระทำความผิด
“นอกจากติดคุกแล้ว ยังเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่สั่งสมมาหลายสิบปีที่รับราชการมา เป็นภาพจำของคนไปอีกนาน ต่อไปนี้ใครคิดไม่ซื่อก็อย่าลืมว่ามีประชาชน มีหน่วยงานจับผิดเอาตัวมาลงโทษ” นายศรีสุวรรณให้ความเห็น โดยหวังให้คดีนี้เป็นมาตรฐานการทำงานของหน่วยงานอิสระ รวมถึงส่งสัญญาณไปถึงอีกหลายคดีในลักษณะเดียวกันที่ประชาชนเป็นผู้ร้องเรียน
“สาธารณชนยังแคลงใจว่า หน่วยงานองค์กรอิสระไทย จะสามารถเอานักการเมือง ข้าราชการคนผิดมาลงโทษได้เหมือนกรณีสุพจน์ได้หรือไม่”
(เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ)
สัญญาณเตือน ‘ประวิตร-สมยศ’ ยืมเพื่อนไม่แจ้งทรัพย์สิน
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) มองคดีนายสุพจน์เป็นอุทาหรณ์สำหรับคณะรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการที่ต้องระมัดระวังในการยื่นบัญทรัพย์สิน ตัวอย่างเช่น กรณีนาฬิกายืมเพื่อนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมตรี และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ยืมเงินเพื่อนจำนวน 300 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองคดีไม่ปรากฎว่า ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
“น่าสนใจว่า คดีของ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.สมยศ ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดและส่งเรื่องต่อไปในแนวทางเดียวกันกับคดีนายสุพจน์หรือไม่ เพราะหากเทียบข้อเท็จจริงแล้ว ถือว่าใกล้เคียง เป็นไปในแนวทางเดียวกัน”
เลิกธนบัตรเก่า ดัดหลังพวกขี้โกง
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2554 กลุ่มคนร้ายบุกเข้าปล้นบ้านนายสุพจน์ ย่านลาดพร้าว ได้ทรัพย์สินและนำหลบหนีไป ต่อมาตำรวจติดตามจับกุมได้ พร้อมยึดเงินสด 18,121,000 บาท โดยมีธนบัตรที่มีปลอกคาดธนบัตรของธนาคาร เป็นเงิน 8,872,000 บาท ธนบัตรที่ไม่มีปลอกคาดธนบัตร 8,249,000 บาท และธนบัตรที่รัดด้วยสายรัดพลาสติกสีขาวใส 1,000,000 บาท
ทั้งนี้มีคนร้ายบางส่วนให้การในลักษณะว่า ที่บ้านของนายสุพจน์นั้นมีเงินสดอีกจำนวนมาก
วิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พฤติกรรมประเภทเก็บเงินสดที่ทุจริตมาเก็บไว้ที่บ้านพักยังคงมีอยู่จริงในปัจจุบัน
“พวกเอาปึกเงินไปจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ วันนี้ปี 61 แล้ว ยังใช้เงินที่มีปลอกคาดระบุปี 51 อยู่เลย พวกนี้ส่อโกงแหงๆ เงิน 10 ปีที่แล้ว เพิ่งเอาออกมาใช้ ถ้าเงินบริสุทธิ์จะไปเก็บไว้ทำไม ฝากแบงก์ทั้งนั้นแหละ”
อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แนะนำว่า การรีเซ็ตธนบัตรเหมือนที่ประเทศจีนเคยทำจะช่วยให้ไทยได้เงินคืนจำนวนมหาศาล
“รีเซ็ตใหม่ รับรองว่าได้เงินฟรีๆ ไม่รู้กี่แสนล้านบาท ผมมั่นใจ” เขากล่าวในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
