ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำฝรั่งเศสขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ ก่อนหักมุมด้วยการต่อต้านนโยบายการบริหารประเทศแบบชาตินิยมสุดโต่งของผู้นำสหรัฐฯ

สำนักข่าว AFP รายงานว่า นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ในวันที่ 3 ของภารกิจเดินทางเยืองกรุงวอชิงตันและทำเนียบขาว โดยนายมาครงได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างฝรั่งเศสและสหรัฐฯ รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แน่นแฟ้นขึ้นอย่างมากในระยะเวลาอันสั้นที่พบกัน ก่อนจะมีการกล่าวโต้แย้งถึงนโยบายด้านต่างๆที่เขาเห็นไม่ตรงกับผู้นำสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อสงครามการค้ากับจีน หรือประเด็นนโยบายชาตินิยมสุดโต่งของนายทรัมป์อย่าง 'อเมริกาต้องมาก่อน'

ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวต่อหน้าสภาคองเกรสของสหรัฐฯว่า การพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21 สามารถทำได้โดยการให้ความสำคัญกับนโยบายความร่วมมือระหว่างนานาชาติ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการบริหารประเทศแบบกีดกันชาติอื่นๆ การโดดเดี่ยวสหรัฐฯ และความรักชาติแบบสุดโต่ง อีกทั้งนายทรัมป์ยังมีนโยบายการบริหารงานในเน้นย้ำและข่มขู่ว่าจะทำลายข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศ การดูหมิ่นการปฏิบัติงานของสหประชาชาติ และกล่าวหาประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯว่าไม่ให้ความร่วมมือ 

ผู้นำฝรั่งเศสยังกล่าวอีกด้วยว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาและผู้นำทั้งโลกกำลังพยายามทำ และที่สำคัญปัญหาโลกร้อนคือสิ่งที่ทุกชาติต้องร่วมกันแก้ไข เพราะเราไม่มีโลกใบที่ 2 หรือที่นายมาครงใช้คำว่า 'Planet B'

นอกจากนี้เขายังเตือนถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นหากมีการขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากจีนจริง พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่มีทางยกเลิกข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์อิหร่านเป็นอันขาด พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯคือผู้ที่ริเริ่มความร่วมมืออันดีในการพัฒนาประเทศในระดับนานาชาติ เหตุใดในยุคของนายทรัมป์ เขาจึงเลือกโดดเดี่ยวตัวเอง

การกล่าวต่อสภาคองเกรสของนายมาครงในครั้งนี้เรียกเสียงปรบมือดังกระหึ่มจากสมาชิกสภาคองเกรสโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นการหักมุมจากภาพสวยงามที่สร้างไว้ใน 2 วันแรกของการมาเยือนสหรัฐฯเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นกันเองของผู้นำทั้งสองชาติพร้อมด้วยภริยาทั้ง 2 ฝ่าย การปลูกต้นไม้ร่วมกันของนายทรัมป์และนายมาครงที่ทำเนียบขาว การจับมือและการกอดที่แสดงมิตรไมตรีต่อกัน ซึ่งมีช่วงเวลาหนึ่งนายทรัมป์ใช้มือปัดฝุ่นบนไหล่ให้กับนายมาครงพร้อมกล่าวว่านายมาครงคือผู้ชายที่เพียบพร้อมจริงๆ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: